เอาล่ะสิ “อดีตบิ๊กข่าวกรอง” ยก พ.ร.บ.พรรคการเมือง ม.29 สะกิดระวัง! ตั้ง “ทอน” นั่ง กมธ.งบฯ ทำผิดซ้ำซาก “ส.ว.สมเจตน์” จวกเสนอคนมีมลทินไม่ละอาย “แจกแหกตา” “บุญเกื้อ” ไม่รอ.. ชิงฟ้อง “ช่อ-คณะก้าวหน้า” พิสูจน์ในศาล
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (5 ก.ค. 63) เฟซบุ๊ก Nantiwat Samart ของ นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์หัวข้อ “นี่หรือคนรุ่นใหม่”
โดยระบุว่า “โบราณมีคำกล่าวว่า กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี หมายความ สยามประเทศจะมีคนดีคนเก่งเกิดขึ้นมาเสมอ เพื่อมากอบกู้บ้านเมืองในยามที่บ้านเมืองมีวิกฤต
ข่าวแปลกใจที่พรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ ดูเหมือนจะสิ้นไร้ไม้ตอก ไปเอาคนที่ถูกห้ามยุ่งเกี่ยวกับการเมืองมาเป็นกรรมาธิการงบประมาณในโควตาของพรรค
บุคคลที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยตัดสิทธิ์ ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง ห้ามจดทะเบียนพรรค ห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง คนเหล่านี้นับได้ว่าเป็นโมฆะบุรุษทางการเมือง ไม่ควรยุ่งเกี่ยวกับกิจการทางรัฐสภา หรือการเมืองใดๆ อีกเป็นเวลา 10 ปี
ระวังนะ พ.ร.บ.พรรคการเมืองมาตรา 29 บัญญัติว่า ห้ามผู้ใดที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคกระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำกิจการของพรรคในลักษณะที่ทำให้พรรค หรือสมาชิกขาดความเป็นอิสระ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม
แม้กฎหมายจะไม่ได้กำหนดคุณสมบัติของคนที่จะเข้ามาเป็นกรรมาธิการงบประมาณไว้ชัดแจ้ง แต่ในทางปฏิบัติ พรรคการเมืองจะเสนอชื่อ ส.ส.ของพรรคเป็นกรรมาธิการ เพื่อเรียนรู้เตรียมตัวก้าวดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่สูงขึ้น ไม่ใช่เอาโมฆะบุรุษมาเป็นกรรมาธิการ หรือพรรคนี้ไม่มีคนดีคนเก่งในพรรคหลงเหลืออยู่เลย
ระวังอย่าทำผิดรัฐธรรมนูญซ้ำซ้อน
คนรุ่นใหม่อย่าผิดซ้ำรอยคนรุ่นเก่าเลย เชื่อเถอะ”
สอดคล้องกับ เฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา โพสต์ข้อความระบุว่า เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2563 พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวว่า
การเมืองไทยสิ้นไร้นักการเมืองดีๆ แล้วหรือ เนื่องจากพรรคก้าวไกลเสนอชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งถูกยุบพรรคและตัดสิทธิ์ทางการเมือง มาเป็นหนึ่งในคณะ กมธ.พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ไม่น่าเชื่อว่า พรรคก้าวไกล ที่ชอบอ้างว่า เป็นพรรคการเมืองของคนรุ่นใหม่ มีแนวความคิดใหม่ๆ แต่ไร้ซึ่งจริยธรรม ไม่มีความละอาย ไปเสนอชื่อคนที่มีมลทินทางการเมือง เข้ามาทำงานการเมือง
“ทำเสมือนการเมืองไทยสิ้นไร้ไม้ตอก หานักการเมืองดีๆ มาทำงานการเมืองไม่ได้แล้ว ต้องไปขุดเอาคนที่มีมลทิน ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองมาทำงานการเมือง ไม่ละอายทั้งคนที่เสนอชื่อ และคนที่ถูกเสนอ แล้วเช่นนี้ จะมาสร้างการเมืองใหม่ได้อย่างไร”
ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก การเมืองไทย ในกะลา ยังแชร์ความคิดเห็นเรื่องนี้ ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า เมื่อวันที่ 4 ก.ค. เกี่ยวกับเรื่องนี้ ว่า
การเข้าไปเป็นกรรมาธิการวิสามัญงบประมาณนั้น จะทำงานได้เต็มที่ให้สมกับที่ได้รับการแต่งตั้งจากสภาผู้แทนราษฎร ที่ให้เข้าไปตรวจสอบการใช้งบประมาณของฝ่ายบริหาร เข้าไปเสนอแนะแนวทางการใช้งบประมาณให้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า เคยลาออกจากกรรมาธิการวิสามัญงบประมาณปี 2563 และเคยระบุว่า จะไม่ขอทำงานในสภานั้น นายธนาธร กล่าวว่า ในบริบทของปีที่แล้ว และระหว่างที่เป็นกรรมาธิการวิสามัญงบประมาณ ก็มีการตัดสินคดีความของตน ดังนั้น เพื่อเป็นการแสดงออกจึงได้ลาออกจากการเป็นกรรมาธิการวิสามัญครั้งนั้น
“การโดนตัดสิทธิ์ทางการเมืองนั้น เป็นการตัดสิทธิ์ไม่ให้ลงรับสมัครเลือกตั้ง แต่ไม่ได้หมายความว่า สิทธิความเป็นพลเมืองถูกตัดออกไป ดังนั้น การเป็นกรรมาธิการ การทำงานการเมืองท้องถิ่น เป็นสิทธิในฐานะพลเมืองที่จะสามารถทำได้โดยไม่มีกฎหมายข้อใดบังคับ”
นอกจากนี้ นายธนาธร ยังปฏิเสธที่จะตอบกรณีที่ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม โพสต์ Facebook ขอให้ชี้แจงกรณีกิจกรรมเมย์เดย์เมย์เดย์ ว่า ขอพูดถึงเรื่องท้องถิ่น ยังไม่อยากจะพูดถึงเรื่องอื่น แต่ยืนยันว่า พร้อมเต็มที่ที่จะชี้แจง และที่ผ่านมาก็ได้เคยชี้ไปแล้ว
แต่นั่นใช่ว่าเรื่องจบลงง่ายๆ เมื่อเฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตผู้บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์หัวข้อ “ฉีกหน้ากาก”
เนื้อหาระบุว่า “ผ่านไปหนึ่งวัน มีปฏิกิริยาจากข้อเรียกร้องของผม ต่อคณะก้าวหน้าแตกต่างกันไป นายปิยบุตร (แสงกนกกุล)เงียบ นายธนาธร เลี่ยงที่จะตอบ แต่ก็ยังยืนยันว่าพร้อมชี้แจง ส่วน คุณช่อ (พรรณิการ์ วานิช) ก็มาในฟอร์มว่า ให้ฝ่ายกฎหมายร่างคำฟ้อง และยังยืนยันว่าโอนเงินครบตามรายชื่อ ทำด้วยความโปร่งใส เอกสารทางการเงินเก็บในระบบเรียบร้อย
“เพื่อให้การเมืองมีมาตรฐานใหม่ โปร่งใส และตรวจสอบได้ ให้เวลาเตรียมข้อมูล 24 ชม.ครับ พรุ่งนี้ วันที่ 6 ก.ค.เวลา 9.00 น. ผมจะนำรายชื่อ 15 รายชื่อ จาก 2,427 รายชื่อเท่านั้น มาลงในเพจและให้คณะก้าวหน้านำสเตทเม้นการโอนเงิน มาเปิดเผยต่อประชาชน
ถ้าสามารถมาเปิดเผยครบ 15 คน ภายในเวลาไม่เกิน 48 ชม. ผมจะถือว่าพวกท่านดำเนินการด้วยความโปร่งใส น่าชื่นชม ยกย่อง แต่ถ้าไม่สามารถมาเปิดเผยได้ครบในเวลากำหนด จะถือว่าโครงการเมย์เดย์เมย์เดย์ หลอกลวงประชาชน ที่สำคัญ หลักฐานการโอนเงินใน 15 คนนี้ ควรจะลงวันที่ ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายนนี้ครับ ถ้าลงวันที่เดือนกรกฎาคม จะถือว่าเป็นการโอนเงินย้อนหลัง”
#ตามหาสเตทเม้น #หยุดโกหกประชาชน #ฉีกหน้ากาก
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 ก.ค. 63 ที่อาคารไทยซัมมิท ชั้น 5 น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ถูกกล่าวหาไม่โปร่งใส เรื่องเงินบริจาคโครงการเมย์เดย์เมย์เดย์ ว่า กระบวนการเรื่องฟ้องร้องบุคคล และกลุ่มบุคคลที่กล่าวหาว่าเรายักยอกเงิน หรือมีความไม่โปร่งใส ขณะนี้ได้ดำเนินไปตามกฎหมาย โดยมอบหมายให้ทีมทนายเป็นผู้เขียนคำฟ้อง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและดำเนินการฟ้องร้องได้ภายในต้นสัปดาห์หน้า ส่วนเรื่องการเปิดเผยข้อมูล และรายละเอียดการดำเนินโครงการเมย์เดย์ เมย์เดย์ ที่ผ่านมา ทางคณะก้าวหน้าพร้อมจะให้ตรวจสอบอยู่แล้ว ทั้งรายละเอียดโครงการทั้งหมด รวมถึงรายชื่อบุคคลที่ได้รับเงินกว่า 2,000 คน และได้มีการโอนเงินเรียบร้อยแล้ว ก็นำไปเผยแพร่บนเว็บไซต์อย่างโปร่งใสทุกประการ
น.ส.พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ข้อเรียกร้องให้มีการเปิดเผยสลิปการโอนเงิน หรือสเตทเมนต์ เป็นเรื่องที่เรากังวล เพราะมีข้อมูลส่วนบุคคล ทั้งเลขบัญชีและชื่อนามสกุลจริง ซึ่งเราไม่อยากเปิดเผย แต่เมื่อมีกระแสเรียกร้องจากสังคมอยากให้เราเปิดเผยโปร่งใส ทางเราก็ยินดี เอกสารหลักฐานการเงินทั้งหมดได้ถูกเก็บไว้ในระบบอยู่แล้ว ไม่ลำบากเดือดร้อนอะไรที่จะเปิดเผย เมื่อมีการฟ้องร้องคดีแล้ว ก็จะให้ทีมกฎหมายออกมาชี้แจงถึงรายละเอียดในเรื่องดังกล่าว ส่วนจะฟ้องใครและข้อหาอะไรนั้น ขึ้นอยู่กับทีมทนายความ เขียนคำฟ้องเสร็จเมื่อไหร่ก็จะไปดำเนินการฟ้องร้อง และจะชี้แจงกับสังคมภายหลังดำเนินการฟ้องร้องแล้ว พร้อมยืนยันว่าคณะก้าวหน้าดำเนินการทุกอย่างด้วยความโปร่งใส และพร้อมรับการตรวจสอบเสมอ
ขณะเดียวกัน นายบุญเกื้อ ปุสสเทโว อตีตผู้ช่วย ส.ส.พรรคภูมิใจไทย ที่ออกมาเปิดประเด็นเป็นคนแรก ก็โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก (4 ก.ค. 63) ว่า
“พรุ่งนี้ ฤกษ์งามยามดี วันอาสาฬหบูชา เป็นวันที่กงล้อแห่งพระธรรมได้เริ่มต้นหมุนขึ้นเป็นครั้งแรก จึงได้ถือโอกาสนี้เริ่มต้นค้นหาความจริงเรื่องเงินบริจาคโครงการเมย์เดย์เมย์เดย์ ของคณะก้าวหน้า โดยผมจะเดินทางไปแจ้งความกล่าวโทษคณะก้าวหน้า ในฐานะของผู้เสียหาย โดยจะฟ้อง คุณช่อ พรรณิการ์ ที่ 1 นายธนาธร ที่ 2 และ อาจารย์ปิยบุตร ที่ 3 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน
ณ สถานีตำรวจนครบาลโคกคราม ท้องที่เกิดเหตุ ซึ่งเป็นที่ตั้งของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ที่คุณช่อ พรรณิการ์ วานิช เปิดบัญชีไว้ โดยได้จัดเตรียมเอกสารไว้พร้อมแล้วครับ
ก่อนวันนี้จะโพสต์อีกว่า “พอเธอได้ข่าวว่า ผมจะฟ้องเธอเพราะเธอไม่เปิดเผยสเตทเม้น เธอก็รีบประกาศให้ทนาย “ฟ้องแก้เกี้ยว” ทันที
ได้สิครับ..สรุปว่านักการเมืองรุ่นใหม่ห้ามตรวจสอบหรือครับ 55
ไม่เพียงเท่านั้น วันนี้เช่นกัน เฟซบุ๊ก Suphanat Aphinyanของ ดร.ศุภณัฐ อภิญญาณ หรือ “ดร.นิว” นักวิจัยภายใต้สถาบันวิจัย MAST Center และ คณะวิศวกรรมชีวการแพทย์ University of Arkansas ประเทศสหรัฐอเมริกา ก็โพสต์ข้อความสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า
“พรรคอนาคตใหม่เสร็จพี่ศรี
คณะก้าวหน้าเสร็จพี่เกื้อ?”
ดังนั้น สิ่งที่น่าจับตามอง ก็คือ กรณี นายธนาธร ได้รับการเสนอชื่อจากพรรคก้าวไกล หรือ “ลูกน้องเก่า” ให้เป็น กมธ.พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2564 ผิดหรือไม่ หรือจะมีการทบทวนหรือไม่ หลังจากมีการติงเตือนกันขึ้นมา แต่ถ้าฟังจากนายธนาธรแล้ว คงยากที่จะมีการทบทวนเรื่องนี้ ส่วนผิดหรือไม่ คงเป็นหน้าที่ของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องด้านกฎหมายจะให้คำตอบ
แต่ที่นับว่าท้าทายอย่างยิ่ง และถือเป็นการเดิมพันสูงของ “คณะก้าวหน้า” ก็คือ กรณีถูกแฉว่า ดำเนินโครงการเมย์เดย์เมย์เดย์ ไม่โปรงใส และเรื่องราวก็บานปลายถึงขั้นฟ้องร้องกันในศาลทั้งสองฝ่าย งานนี้ “คณะก้าวหน้า” กุมข้อเท็จจริง หรือ ฝ่ายแฉมีข้อเท็จจริงที่เด็ดกว่า อีกไม่ช้าก็คงจะได้รู้กัน
และได้รู้ว่า “พรรคอนาคตใหม่เสร็จพี่ศรี คณะก้าวหน้าเสร็จพี่เกื้อ?” อย่างที่ ดร.นิว ว่า หรือไม่!?
"เอาล่ะ" - Google News
July 05, 2020 at 06:14PM
https://ift.tt/2YYmRBG
ผิดหรือเปล่า? ยก พ.ร.บ.พรรคการเมือง ม. 29 สะกิด “ทอน-ก้าวไกล” ระวัง! “แจกแหกตา” ฟ้องกันฝุ่นตลบ - ผู้จัดการออนไลน์
"เอาล่ะ" - Google News
https://ift.tt/36Ul8Qj
Home To Blog
No comments:
Post a Comment