WeChat เชื่อมโยงทั้งผู้คนและโลกธุรกิจเอาไว้ได้ขนาดไหน?
เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Tencent เพิ่งประกาศว่า มียอด ACTIVE USERS ต่อเดือน อยู่ที่เกือบ 1,200 ล้านยูเซอร์ ซึ่งเอาล่ะ แม้จะไม่ประกาศยอดผู้ใช้บริการรายประเทศว่ามีจำนวนเท่าไร แต่บรรดานักวิเคราะห์ส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่า ในจำนวนนี้ส่วนมากหรือเกือบทั้งหมดอยู่ในประเทศจีน
พูดง่ายๆ คือ ประชากร 1,400 ล้านคนในประเทศจีน ส่วนใหญ่ใช้ WeChat และหากคุณคิดจะทำธุรกิจกับชาวจีน คุณก็ต้องเรียนรู้และดาวน์โหลดมันเอามาใช้งาน
ทำไม WeChat จึงได้รับความนิยมจากชาวจีนนัก?
สำหรับในประเทศอื่นๆ WeChat อาจจะมีฟังก์ชันไม่ต่างจากแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียอื่นๆ นัก แต่หากเป็นภายในประเทศจีน WeChat สามารถใช้ช้อปปิ้งหรือจ่ายค่าอาหาร ซึ่งในที่นี้ไม่เว้นแม้แต่ร้านอาหารข้างทาง แทนเงินสด รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับการประกอบธุรกิจได้ด้วย
แล้วมันทำอะไรได้อีกน่ะหรือ?
WeChat สามารถแจ้งความตำรวจได้ ติดต่อธนาคารได้ เรียกแท็กซี่ เล่นเกม โอนเงิน และอื่นๆ อีกมากมาย
เพราะอะไร? ท่านผู้นำทรัมป์จึงแบน WeChat
ไม่ต่างจาก TikTok เหตุผลที่ทำให้ WeChat ถูกแบน ก็มาจากข้อกล่าวหาที่ว่า มีการจัดเก็บและส่งข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้บริการไปให้กับรัฐบาลจีน ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามความมั่นคงของสหรัฐฯ โดยไม่สนใจไยดีต่อคำชี้แจงของ Tencent ที่ว่า บริษัทให้ความสำคัญกับการเคารพความเป็นส่วนตัวของบรรดายูเซอร์มาโดยตลอด และไม่เคยส่งข้อมูลเหล่านั้นไปให้กับรัฐบาลจีนตามที่ถูกกล่าวหา
ผลกระทบหลัง WeChat ถูกแบน
คำสั่งของท่านผู้นำทรัมป์ไม่ได้ทำให้ WeChat ได้รับผลกระทบโดยตรงมากนัก เนื่องจากมีส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐฯ เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
อย่างไรก็ดี เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอ นั่นเป็นเพราะคำสั่ง CLEAN NETWORK อาจจะทำให้บริษัทไอทียักษ์ใหญ่สัญชาติสหรัฐฯ บริษัทหนึ่ง ไม่ค่อยแฮปปี้นัก เนื่องจากอาจทำให้ SMARTPHONE FLAGSHIP ที่นำพาบริษัทสู่ความยิ่งใหญ่ในทุกวันนี้ "อาจถูกลูกค้าชาวจีนหมางเมิน"
ใช่ ถูกต้อง! iPhone อาจจะขายไม่ออกในประเทศจีน
เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น?
นักวิเคราะห์ทางการตลาดมองว่า ปัจจุบัน พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันของชาวจีนเกือบทั้งประเทศถูกผูกติดชนิดแนบแน่นกับแอป WeChat ไปแล้ว (ดังที่เขียนไว้บรรทัดข้างต้น) ฉะนั้น เมื่อไม่มี WeChat ให้โหลดจาก Apple Store ชาวจีนจะซื้อ iPhone ไปทำไม?
(ส่วนสาวก Android ไม่จำเป็นต้องไปห่วง เพราะยูเซอร์สามารถมุดไปโหลดแอปจากนอก Google Play Store ได้ ซึ่งผิดกับ iOS ที่ปิดกั้นเรื่องพวกนี้มาโดยตลอด ยกเว้น คุณจะเอาเครื่องไป JAILBREAK เพื่อแลกกับการหมดประกันจาก Apple แล้วมันจะคุ้มไหมนี่)
แล้วตลาดในประเทศจีน สำคัญกับ Apple ขนาดไหน?
Canalys บริษัทวิจัยด้านการตลาดที่น่าเชื่อถือ รายงานว่า เมื่อปี 2019 ที่ผ่านมา 20% จากรายได้ของ Apple มาจากลูกค้าชาวจีน นอกจากนี้ 16% ของ iPhone ทั้งหมดที่ถูกผลิตออกมามุ่งเป้าสำหรับการนำไปวางขายในประเทศจีนเป็นหลัก!
และหากคุณยังอึ้งไม่พอว่า Apple วางเป้าหมายหลักสำหรับประเทศจีนมากมายขนาดไหน
ล่าสุด Apple รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 1 ของปีนี้ว่า ยอดขาย iPhone ในประเทศจีนเพียงอย่างเดียว ทำเงินให้กับพวกเขาไปมากมายถึง 13,580 ล้านเหรียญสหรัฐฯฯ!
นักวิเคราะห์ทางการตลาดมองการใกล้มาถึงของ iPhone รุ่นใหม่ เอาไว้อย่างไร?
นักวิเคราะห์จาก Wedbush Securities บริษัทด้านการเงินและการลงทุนระดับโลก มองการมาถึงของ SMARTPHONE FLAGSHIP รุ่นใหม่ ของ Apple เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า... แต่เดิมคาดว่า iPhone 12 ที่น่าจะออกมาถึง 4 โมเดล จะมีทั้งรุ่นที่รองรับทั้งระบบ 4G และ 5G แต่แล้วเมื่อพิจารณาจาก Supply Chain ในปัจจุบันแล้ว คาดว่า Apple น่าจะตัดสินใจวางตลาดเหลือเฉพาะรุ่น 5G แต่เพียงอย่างเดียวแล้ว
อย่างไรก็ดี แม้ Apple ยังคงไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จากการคาดคะเนดังกล่าว แต่สิ่งหนึ่งที่นักวิเคราะห์เห็นภาพตรงกัน คือ iPhone 12 น่าจะสามารถผลักดันปริมาณยอดขายขนาดมหึมาให้กับ Apple ที่ปัจจุบันมีมูลค่าทางการตลาดสูงถึง 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ได้อย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าชาวโลกกำลังเผชิญหน้ากับวิกฤติเศรษฐกิจครั้งใหญ่จากการแพร่ระบาดโรค COVID-19 ก็ตาม
นั่นเป็นเพราะ iPhone 12 ซึ่งน่าจะรองรับเทคโนโลยี 5G นี้ น่าจะเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีให้กับสาวก Apple ที่ยังอดทนใช้ iPhone รุ่นเก่า ซึ่งคาดว่าน่าจะมีมากถึง 350 ล้านเครื่อง จากปริมาณ iPhone ในตลาดทั้งหมด 950 ล้านเครื่อง ตัดสินใจยอมอัปเกรดมือถือของตัวเองภายในปีหน้า หรือมากที่สุดภายในอีก 18 เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ สิ่งที่นักวิเคราะห์ยังเห็นตรงกันก็คือ iPhone 12 ทั้ง 4 โมเดล ที่คาดว่าน่าจะเลื่อนการวางตลาดจากเดือนกันยายนเป็นเดือนตุลาคมปีนี้ น่าจะมีราคาที่ "ไม่แรงมากนัก" (ข่าวดีสุดๆ) เพื่อดึงดูดให้บรรดาผู้ที่ยังอาจไม่เต็มใจนักกับการที่จะก้าวข้ามไปใช้เทคโนโลยี 5G ยอมเปลี่ยนใจเทเงินในกระเป๋าซื้อ iPhone 12 ในท้ายที่สุด
เพราะสิ่งที่ Apple ปรารถนาเป็นอย่างยิ่ง (ซึ่งในตอนนี้อาจจะมากกว่ายอดขาย iPhone) คือ รายได้ก้อนโตจาก DIGITAL SERVICE ต่างๆ โดยเฉพาะ Apple TV+ (ซึ่งต้องการมือถือที่สเปกดีขึ้นและเร็วขึ้นเป็นอย่างยิ่ง) สามารถทำเงินให้กับ Apple มากมายถึง 13,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมา
เอาล่ะ! ถึงแม้ ณ วินาทีนี้ ต้องยอมรับว่า Apple พัฒนามือถือสำหรับรองรับเทคโนโลยี 5G ตามหลังคู่แข่ง โดยเฉพาะ SAMSUNG ที่ปัจจุบันสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟน 5G ทั่วโลกได้เกินกว่าครึ่ง แต่สิ่งหนึ่งที่ Apple เหนือกว่าคู่แข่ง คือ การมีสาวกที่จงรักภักดีต่อ Ecosystem ของตัวเองมาอย่างยาวนาน ฉะนั้น เมื่อ iPhone รุ่นใหม่ สามารถตอบโจทย์เรื่องเทคโนโลยี 5G ได้แล้ว เหตุไฉน พวกเขาจะไม่เสียเงินให้กับ Apple กันอีกล่ะ?
คู่แข่งสำคัญของ Apple ในประเทศจีน
ปัจจุบัน ยังไม่มีใครเดาได้ว่า ท่านผู้นำทรัมป์คิดจะยกเลิกคำสั่ง CLEAN NETWORK ลงเมื่อใด แต่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองตรงกันว่า Apple น่าจะเฝ้าติดตามสถานการณ์นี้อย่างใกล้ชิดมากกว่าบริษัทอื่นใดอย่างแน่นอน เพราะหากคำสั่งแบนนี้เกิดยืดยาวออกไปจากกำหนดเดิม 45 วัน หรืออาจจะเลยเถิดถึงขั้นต้องนำ WeChat ออกไปจากสโตร์ตลอดกาล คู่แข่งอันน่าหวาดหวั่น ซึ่ง Apple กำลังต้องการเอาชนะในประเทศจีนให้ได้ อย่าง Huawei ซึ่งครองส่วนแบ่งการตลาดในประเทศจีนมากถึง 36% คงได้ยิ้มแก้มปริจากคำสั่งของท่านผู้นำทรัมป์เป็นแน่แท้
ฉะนั้น คงไม่ต้องบอกแล้วนะว่า หาก iPhone 12 (ชื่ออย่างไม่เป็นทางการ) เกิดไปวางขายในประเทศจีน โดยไม่มี WeChat ให้โหลดใช้งาน Apple จะต้องเผชิญหน้ากับหายนะในระดับใด?
อย่างไรก็ดี เมื่อบรรดาผู้สื่อข่าวในทำเนียบขาวนำประเด็นปัญหาในเรื่องนี้ ไปสอบถามเอากับท่านผู้นำทรัมป์ คำตอบที่ได้รับกลับมา กลับน่าเซอร์ไพรส์กว่า เมื่อผู้นำสหรัฐฯ ยักไหล่ พร้อมกับพูดว่า "อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด เพราะสิ่งที่ทำลงไปนั้นก็เพื่อความมั่นคงของประชาชนและประเทศสหรัฐอเมริกา" จบข่าว!.
นายฮกหลง
ทีมข่าวเฉพาะกิจไทยรัฐออนไลน์ รายงาน
กราฟิก: เทพอมร แสงธรรมาพิทักษ์
ข่าวน่าสนใจ:
"เอาล่ะ" - Google News
August 20, 2020 at 05:30AM
https://ift.tt/3aFTp7J
เชือด WeChat เฉือนเนื้อ Apple ทุบยอดขาย iPhone 12 "ทรัมป์" ไม่แคร์ - ไทยรัฐ
"เอาล่ะ" - Google News
https://ift.tt/36Ul8Qj
Home To Blog
No comments:
Post a Comment