Pages

Saturday, July 11, 2020

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : ศึกชิงหอย “สนธิ” เผยสาเหตุการแย่งชิง มีมูลค่ามหาศาล - ผู้จัดการออนไลน์

kalihderes.blogspot.com


วันนี้ 10 ก.ค.63 เวลา 09.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ได้ไลฟ์สด “SONDHI TALK” ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” และช่องยูทูป Sondhitalk ที่จะมาเล่าเรื่องวุ่นๆ ที่น่าติดตามคือเรื่องหอย อีกหลายมุมที่ไม่ค่อยได้มีคนติดตาม มูลค่าของหอยมหาศาลมาก จึงเป็นสาเหตุของการเเย่งชิงกัน และยังมีเรื่องของลิงเก็บมะพร้าวที่ไม่น่าจะเป็นเรื่อง แต่ก็เอามาเป็นเรื่องได้ ติดตามชมได้ในรายการ Sondhitalk : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง ep : 41 ศึกชิงหอย

คำต่อคำ SONDHI TALK [10 ก.ค. 63] : ศึกชิงหอย

สวัสดีครับท่านผู้ชม วันนี้เป็นวันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2563 เหมือนเช่นเคยนะครับ เรากลับมาเจอ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ทุกๆ วันศุกร์ ตอนเวลาประมาณ 09.00 น. หรือ 09.00 น.เศษนิดๆ วันนี้ก่อนจะเริ่มรายการ ผมมีเรื่องบางเรื่องจะต้องแจ้งให้ฟังนิดหนึ่ง มีท่านผู้ชมท่านหนึ่ง ซึ่งท่านเป็นแฟนพันธุ์แท้ของรายการนี้ ท่าน inbox เข้ามาพูดกับผมว่า คุณแม่ท่าน คือคุณมยุรี กิจเจริญศักดิ์กุล ซึ่งท่านบอกว่าคุณแม่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของผมมานานแล้ว และท่านได้เสียชีวิตไปเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ท่านบอกว่า ดวงวิญญาณคุณแม่คงจะดีใจมากถ้าผมได้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้ดวงวิญญาณของคุณแม่มยุรี กิจเจริญศักดิ์กุล ได้ไปสู่สุคติ ผมได้รับ inbox นี้เมื่อวานนี้

เมื่อเช้านี้ ซึ่งปกติธรรมดาแล้วผมจะมาถึงที่ทำงานประมาณตี 5 แล้วผมก็จะไหว้พระ และสวดมนต์ประมาณครึ่งชั่วโมง แล้วผมจะนั่งสมาธิภาวนา นั่งวันละประมาณ 1 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด จันทร์ อังคาร พุธ พฤหัสฯ ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ เมื่อเช้านี้ผมก็เลยนั่งสมาธิและแผ่เมตตาให้กับคุณแม่มยุรี กิจเจริญศักดิ์กุล ไปเรียบร้อยแล้ว ก็ขอให้ได้รับทราบเอาไว้หน่อยนะครับว่าได้ทำให้เรียบร้อยแล้ว และถ้าไม่ลืมนัก ทุกครั้งที่สวดมนต์ เพราะทุกวันนี้ก็แผ่เมตตาให้คนที่ล่วงลับไปแล้ว ทั้งภรรยาผม พ่อแม่ผม ปู่ย่าของผม ตลอดจนพี่ตั้วของผม ศรัณยู วงษ์กระจ่าง และคุณโต้ง ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ เป็นประจำอยู่แล้วทุกวัน ก็จะพ่วงคุณแม่มยุรี กิจเจริญศักดิ์กุล เข้าไปด้วย
ท่านผู้ชมครับ ตอนนี้ช่องทางที่จะรับชมรายการ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ขณะนี้ยูทูปกำลังมาแรง มีแฟนๆ หลายท่านเข้ามาชมในเฟซบุ๊ก แล้วก็บอกว่าเฟซบุ๊กบางทีก็เข้าลำบาก เพราะเดี๋ยวนี้เขาปรับระบบใหม่ แล้วบางท่านก็โวยวายมาว่าเดี๋ยวนี้ทำไมเขาบัง เฟซบุ๊กเขาบังรายการคุณสนธิ คือพูดง่ายๆ ว่าเขาอาจต้องการบังคับให้เราไปซื้อโฆษณาเขา แต่ไม่เป็นไรหรอกครับท่านผู้ชม ตอนนี้เรามีคนจำนวนมากชมผ่านยูทูป มีคนที่เป็นสมาชิก SUBSCRIBE ในยูทูป 4 แสนกว่ารายแล้ว อีกสักเดือนคงได้ถึง 5 แสน หรือไม่ปีหน้าก็น่าจะถึง 1 ล้านราย SUBSCRIBE ก็เหมือนยอด FOLLOW ของเฟซบุ๊ก ยอด FOLLOW ของเฟซบุ๊กวันนี้เรามีอยู่ประมาณ 1.34 ล้านรายแล้ว ถ้ารวมของยูทูปอีกประมาณ 4 แสนกว่า ก็ประมาณ 1.7 ล้าน และผมเชื่อว่าปีหน้ายูทูปน่าจะถึง 1 ล้านได้ อีกประมาณสัก 10 เดือน เพราะว่าประมาณ 10 เดือน เรามียอด SUBSCRIBE ยูทูปประมาณ 4 แสน


ท่านผู้ชมที่ชมยูทูป อย่างน้อยที่สุดก็แชร์ออกไปเยอะๆ แล้วกัน สำหรับคนที่ไม่เคยเห็นก็จะได้รู้ และท่านก็กด See First ก่อน ถ้ายังไม่ขึ้นในฟีด ท่านผู้ชมก็ลองค้นหา หรือไม่ก็ปรับช่องทางรับชมทางยูทูปได้ โดย Search ก่อน ในคำว่า SONDHI TALK เมื่อเจอ SONDHI TALK แล้ว กด SUBSCRIBE เลย ที่เขียนว่า SUBSCRIBE แล้วกดกระดิ่ง แจ้งเตือนเวลามีรายการสด หรือคลิปใหม่ๆ

มีเรื่องเก่าๆ ที่ยังคั่งค้างอยู่ แล้วก็ไม่ได้รายงานท่านผู้ชมมาเป็นเวลานาน คือเรื่องคดีความ เรื่องคดีของผู้ที่ใช้คำหยาบในเพจ "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" ผมเรียนให้ท่านผู้ชมฟังแล้วว่าผมกำลังดำเนินคดีอยู่ แต่กระบวนการศาลจะช้าไปนิด ไม่เป็นไร เมื่อเร็วๆ นี้ผมได้ไปไต่สวนมูลฟ้องที่ศาลอาญา จำเลยก็มีคุณ Nattaphol Sonchai อยู่ จ.อุดรธานี ที่อยู่ก็น่าจะทำงานอยู่กับเทศบาลเมืองอุดรธานี อีกท่านหนึ่งคือ คุณมนตรี ทองหล่อ เดี๋ยวผมจะเอาขึ้นจอให้ดูทั้งสองท่าน


คุณ Nattaphol Sonchai ก็เขียนว่า "ประเทศล่มจมเพราะมึงตัวเดียวไอ้สัสนรก"

ส่วนคุณมนตรี ทองหล่อ เขียนว่า "แล้วสัสอย่างมึงละ ไอ้ควาย เคยสร้างความฉิบหายอะไรไว้บ้าง ลองเล่าเรื่องของมึงสิ ไอ้ชาติหมา" ท่านผู้ชมครับ เมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วผมก็ได้ไปไต่สวนมูลฟ้อง แล้วก็ปรากฏว่าทั้งคุณ Nattaphol และคุณมนตรี ไม่ยอมมาศาล เมื่อไม่ยอมมาศาล ศาลก็เลยไต่สวนตัวผมเอง แล้วศาลก็มีคำสั่งมาอย่างนี้ครับ "พิเคราะห์พยานหลักฐานที่โจทก์นำมาไต่สวนมูลฟ้อง โดยมีตัวโจทก์เบิกความยืนยันข้อเท็จจริง ซึ่งประกอบด้วยถ้อยคำและภาพถ่าย หมายเลข จ.1 ถึง จ.6 ซึ่งจำเลยได้แสดงความคิดเห็นใต้คลิปวิดีโอของโจทก์ โดยปรากฏเป็นตัวอักษร กล่าวหาให้ร้ายโจทก์ลงในเฟซบุ๊ก มีลักษณะใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สาม ซึ่งเป็นประชาชนทั่วไป และเป็นการดูหมิ่นโจทก์ ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย คดีโจทก์จึงมีมูลตามฟ้อง ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และ 393 หมายเรียกจำเลยมาสอบคำให้การ การตรวจพยานหลักฐาน และกำหนดวันนัดสืบพยาน วันที่ 28 กันยายน 2563 เวลา 09.00 น. ให้โจทก์นำส่งหมายภายในกำหนด 7 วัน หากไม่มีผู้รับโดยชอบให้ปิดหมาย มีหนังสือถึงศาลอาญาพระโขนง และศาลจังหวัดอุดรธานี ช่วยจัดการแทน"


ความหมายก็คือว่า วันที่ 28 กันยายนนี้ ทั้งคุณ Nattaphol และคุณมนตรี จะต้องมาให้การที่ศาล มาให้การเรื่องอะไรครับ ? คือศาลเขาจะถามว่า ที่โจทก์เขาฟ้องมาและคดีมีมูล จำเลยจะสารภาพผิดหรือจำเลยจะบอกว่าไม่ผิดและจะสู้คดี ซึ่งหากจำเลยทั้งสองคนสารภาพผิด ศาลก็จะลงโทษทันที อาจจะลงโทษจำคุก 3 เดือน 6 เดือน หรือจะรอลงอาญา หรืออย่างไรก็ตาม ถ้ารอลงอาญา ผมก็จะอุทธรณ์ ถ้าอุทธรณ์ยืนตามศาลต้น ผมก็จะฎีกา คือผมจะเอาจนถึงที่สุด คือก็จะไม่ถอยแล้วจากนี้ไป เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่า ถ้าสมมุติว่าจำเลยไม่มาศาลอีกในวันที่ 28 กันยายน ศาลก็จะออกหมายจับ เราก็จะออกหมายจับ ก็จะส่งหมายจับไปที่ จ.อุดรธานี ให้ตำรวจที่อุดรธานีจับตัวคุณ Nattaphol Sonchai และที่พระโขนง คุณมนตรี ทองหล่อ มาขึ้นศาล และคงต้องประกันตัวที่ศาล ท่านผู้ชมครับ เดินหน้าแสวงหาความจริงต่อไปนะครับ

ยังไม่ใช่แค่สองคนนี้นะครับ สองคนนี้เป็นแค่จุดเริ่มต้น ตอนนี้วงล้อแห่งกระบวนการยุติธรรมได้เดินแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วถ้าท่านผู้ชมบางคนอยากทะลึ่งลองของกับผม ก็เข้ามาเรื่อยๆ ครับ ไม่เป็นไร ผมบอกแล้วว่ามา 5 คน ผมฟ้อง 5 คน มา 10 ผมก็ฟ้อง 10 มา 100 คน ผมก็จะฟ้อง 100 คน มา 200 คน ผมก็จะฟ้อง 200 คน ให้มันรู้ไป สำคัญเวลาเจอผมต่อหน้าศาล อย่ามาขอขมาผม ขอให้ผมให้อภัย แล้วก็ใช้คำพูดที่ใช้เป็นประจำว่า "รู้เท่าไม่ถึงการณ์" นะครับ กรุณาอย่าแสดงความเป็นสันขวานแบบนี้นะครับ ว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์

ท่านผู้ชมครับ วันนี้มีเรื่องราวต่างๆ หลายเรื่องที่ผมอยากจะพูดกับท่านผู้ชม เรื่องเยอะจริงๆ ครับวันนี้ เรื่องแรก ผมจะพูดถึงเรื่องอเมริกาและประธานาธิบดีทรัมป์ เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่าเรื่องราวอะไร แล้วจากอเมริกามา จะโยงไปถึงเรื่องความตึงเครียดทางการทหารในทะเลจีนตอนใต้ ระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกากับประเทศจีน และล่าสุด เพิ่งสดๆ ร้อนๆ เมื่อวานนี้เอง ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง กับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ได้วิดีโอคอลซึ่งกันและกัน ประกาศศักดาออกมาแล้วว่า จะร่วมมือกันและจะไม่ยอมให้ใครมาข่มเหง และจะปกป้องสิทธิ ศักดิ์ศรีในพื้นที่ของตัวเองที่มีใครเข้ามาก้าวก่าย พอหมดจากเรื่องนี้แล้ว ผมก็จะเล่าถึงเรื่องความขัดแย้งกันและสถานภาพของอเมริกา ณ วันนี้ เป็นอย่างไรบ้าง แล้วก็มีเรื่องของหลานสาวของประธานาธิบดีทรัมป์ ที่ชื่อ ดร.แมรี ทรัมป์ ซึ่งเป็นด็อกเตอร์ทางด้านจิตวิทยา เขียนหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง และในหนังสือเล่มนั้นก็ไม่ได้เป็นคุณอะไรกับประธานาธิบดีทรัมป์เลย มีแต่ก่นด่าและเอาความจริงในด้านของ ดร.แมรี มาเล่าให้ฟังว่าเบื้องหลังจริงๆ แล้วนายทรัมป์เป็นคนเช่นไร

ท่านผู้ชมครับ แล้วต่อจากเรื่องอเมริกา ก็จะมาเรื่องของผู้บัญชาการทหารบก (Chief of Staff of the Army) ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งเขามาเยือนประเทศไทย แล้วก็มีเรื่องดรามาเกิดขึ้น ก็คือว่า ไม่ยอมตรวจโควิด ไม่ยอมกักตัว 14 วัน มีข้อยกเว้น กองทัพบกก็ออกมาแก้ตัวแทน มีข้อมูลหลายอย่าง ซึ่งผมจะเล่าทุกๆ อย่างให้ฟังว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร และหมดจากเรื่องนี้ก็จะต่อเรื่องลิงกัง ลิงเก็บมะพร้าว ที่เป็นเรื่องดรามามากในสังคมขณะนี้ และผมก็มีแง่มุมหลายๆ แง่มุมในเรื่องของการใช้ลิงเก็บมะพร้าวเป็นการทรมานสัตว์หรือเปล่า และมีตัวอย่างให้เห็นว่า ทางตะวันตกนั้นสร้างมาตรฐานออกมาสองมาตรฐาน และตัวเองก็ต้องการที่จะใช้มาตรฐานของตัวเองนั้นไปบีบบังคับให้คนอื่นทำตาม ถ้าไม่ทำตามแล้ว โดยไม่คำนึงถึงรากเหง้าทางวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณีและวิถีชีวิตของคนตะวันออก เขาก็จะลงโทษด้วยการบอยคอตในเรื่องสินค้าต่างๆ อย่างเช่น ลิงเก็บมะพร้าวนั้น เขาก็บอยคอตเรื่องน้ำกะทิ

แล้วเราก็จะตบลงด้วยเรื่องหอย ท่านผู้ชมครับ เรื่องหอยนี่สนุกสนานมาก มันเป็นเรื่องบางเรื่องที่ไม่เคยมีใครคิดว่ามูลค่าของหอยแครงที่อ่าวบ้านดอนนั้น หลายคนบอกว่าเป็นสิบๆ ล้าน ร้อยล้าน ไม่ใช่หรอกครับ น่าจะถึงหลักหมื่นล้าน และที่มาที่ไปของผลประโยชน์ตัวนี้ มีใครบ้างที่เกี่ยวข้อง มีใครบ้างที่ต้องรับผิดชอบ จนกระทั่งวันนี้ทหารเรือ กองทัพเรือภาคที่ 2 ต้องส่งทหารเรือเข้าไปรื้อถอนคอกหอยต่างๆ รื้อถอนขนำ ขนำ ก็คือที่พักคอยเฝ้าคอกหอย บางคนก็บอกว่าขนำเป็นที่พักธรรมดา แต่หลายคน ชาวบ้านแถวนั้นเขาบอกว่าดูแล้วเหมือนคฤหาสน์มากกว่า ก็จบลงด้วยเรื่องหอยนะครับ เพราะฉะนั้นแล้ว เอาทีละเรื่องก็แล้วกัน


ท่านผู้ชมครับ นายทรัมป์ ตอนที่เข้ามาเป็นประธานาธิบดีนั้น เขาหาเสียงบนพื้นฐานที่เขาบอกคนที่เชียร์เขาว่า เขาจะเข้ามาจัดการกับคนที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย และเขาจะจัดการเรื่องเกี่ยวกับการเข้าเมืองที่เคยเข้าได้ง่าย ให้มันยากขึ้น หรือโดยสรุปง่ายๆ ว่า เขากำลังจะจัดการว่าเขาจะไม่ให้คนต่างชาติเข้ามาอยู่ในอเมริกามากนัก นั่นคือแนวคิดของนายทรัมป์ และชนชาวผิวขาวซึ่งค่อนข้างจะสุดโต่ง ซึ่งเป็นหัวคะแนนของนายทรัมป์

ล่าสุด นายทรัมป์ เมื่อสัก 2-3 วันที่ผ่านมานี้ ได้ประกาศนโยบายใหม่ในเรื่องของการเข้าเมือง ว่า จากนี้ไปนักเรียน นักศึกษาต่างชาติ ที่เรียนอยู่ในสหรัฐอเมริกา ถ้าหากยังเรียนออนไลน์อยู่ ก็คือเนื่องจากว่ามีโรคโควิด-19 เกิดขึ้นมา เพราะฉะนั้นแล้วมหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เกือบจะร้อยทั้งร้อย ก็มีการจัดให้เด็กอยู่ที่บ้าน ไม่ต้องเข้ามาเรียนหนังสือ แล้วก็ให้เรียนออนไลน์กัน นายทรัมป์บอกว่า ถ้าหากยังคงเรียนออนไลน์อยู่ ก็จะบังคับให้เด็กพวกนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียนต่างชาติ ให้กลับบ้านไปเลย แล้วพวกที่กลับบ้านด้วยวิธีนี้ จะเสี่ยงในการที่จะไม่ได้กลับมาอีกครั้งหนึ่ง ก็คือพูดง่ายๆ ว่า วิธีแก้คือ เขาบอกว่าถ้าจะไม่ให้กลับบ้าน ก็ต้องหาทางที่จะไปเรียนในสถาบันที่เป็นไฮบริด ไฮบริด ก็คือว่า เรียนทั้งออนไลน์และเรียนในชั้นเรียน

ทีนี้ คนที่อยู่ในแวดวงการศึกษาเขาก็ไม่พอใจนายทรัมป์มาก เพราะเขามองว่าวิธีการของนายทรัมป์ก็คือ นายทรัมป์เล่นการเมือง เพราะนายทรัมป์ต้องการบังคับให้ทุกมหาวิทยาลัยเปิด เพื่อให้มีนักศึกษาเข้าไปเรียนกันหมด ก็คือใช้ชีวิตกลับไปสู่ความเป็นปกติ ทั้งๆ ที่โควิด-19 ในขณะนี้ของอเมริกาเฟสที่ 1 ขั้นที่ 1 ยังไม่จบเลยนะ ยังไม่จบ เพราะว่า ดร.ฟอซี ซึ่งเป็นผู้อำนวยการศูนย์โรคติดต่อ พูดชัดเจนเลยว่าเฟสที่ 1 ยังดำเนินอยู่


และยอดผู้ติดเชื้อในอเมริกาสูงมากตอนนี้ ล่าสุดติดร่วมแสนคนใน 1 วัน แล้วเขาบอกว่าจากต้นกรกฎาคม มาจนถึง ณ วันนี้ วันที่ 10 กรกฎาคม สิบวันนี้กินเข้าไป 3-4 คนแล้ว ที่ติดเชื้อ ยอดคนตายก็สูง America First อันดับหนึ่ง

ทีนี้เขาก็บอกว่า เนื่องจากว่ามหาวิทยาลัยหลายมหาวิทยาลัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด MIT ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 หรือ 2 ใน 10 อันดับของโลก ชี้แจงให้ฟัง ฮาร์วาร์ดบอกว่า เขาได้สั่งให้นักเรียนทุกคน อาจารย์ทุกคน สอนออนไลน์ เรียนออนไลน์ แม้กระทั่งการรับปริญญาที่เพิ่งผ่านไปคราวที่แล้ว เดิมทีเดือนพฤษภาคม ผมมีเป้าหมายที่จะไปสหรัฐอเมริกา ไปงานรับปริญญาของหลานสาวผม ลูกครึ่งญี่ปุ่น ลูกสาวของน้องสาวผม และน้องเขยของผมซึ่งเป็นคนญี่ปุ่น ซึ่งทั้งพ่อและแม่เสียชีวิตไปแล้ว และผมอุปการะเขาอยู่ ซาโตมิ กิโนซา ปรากฏว่าไปไม่ได้ เขาเลยจัดพิธีรับปริญญา โดยที่อาจารย์ที่สอนพวกเขาเป็นผู้ประสิทธิประสาทปริญญาให้ แล้วก็มีการพูดถึงเด็กคนนั้น พูดถึงเด็กคนนี้ แล้ววิธีเข้าไปร่วม ผมก็เข้าไปร่วมด้วย โดยผ่าน ZOOM ก็สนุกสนานดีครับ เป็นอะไรแปลกใหม่สำหรับคนแก่อย่างผมที่ไม่เคยใช้ ZOOM ก็ใช้ หลานสาวผมจบปริญญาโทที่ฮาร์วาร์ด 2 ปริญญา MBA และ MPA อาจารย์ก็จะออกมาพูดถึงลูกศิษย์คนนี้ ลูกศิษย์คนนี้จะพูดถึงอาจารย์ ก็คือเหมือนเป็นการสันทนาการในครอบครัว


เมื่อฮาร์วาร์ดไม่ให้เด็กมาเรียน เหตุผล แลร์รี ซัมเมอร์ส ซึ่งอดีตเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังในยุคของคลินตัน หรือโอบามา ผมจำแน่นอนไม่ได้ เขาบอกว่าการที่ฮาร์วาร์ดยังไม่เปิดเรียนให้คนเข้าไปเรียนในชั้นนั้น เหตุผลเพราะเขาคำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักเรียน นักศึกษา ครูบาอาจารย์ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ต่างๆ ในมหาวิทยาลัย เขาต้องการจะป้องกัน คือเอาสุขภาพเป็นตัวหลักในการป้องกันไม่ให้มีการเผยแพร่โรค แต่นายทรัมป์ไม่พอใจ เพราะถ้าร้านค้าไม่เปิด ถ้าโรงเรียน มหาวิทยาลัยไม่เปิด เศรษฐกิจในสายตาของนายทรัมป์ก็ไม่ได้เดินหน้าต่อไป ถ้าท่านผู้ชมได้ดูเรื่องราวต่างๆ ในสหรัฐอเมริกา ท่านผู้ชมหลายท่านได้ติดตามข่าวต่างประเทศก็จะเห็นได้ชัดว่าหลายๆ รัฐ เช่น เทกซัส ฟลอริดา แคลิฟอร์เนีย หลายรัฐที่ปฏิเสธในการดูแลตัวเอง ยังเปิดเป็นปกติ ปรากฏว่ายอดคนติดเชื้อพุ่งปรี๊ดเลย พุ่งขึ้นมาทันที จนกระทั่งผู้ว่าการรัฐที่ค่อนข้างจะขวาจัดและนิยมทรัมป์ และเป็นพวกทรัมป์ ถึงกับตกอกตกใจ สั่งปิดเมืองทันที ก็บอกว่าห้ามคนออกนอกบ้าน มีเคอร์ฟิว แล้วบังคับให้ทุกคนใส่หน้ากาก ทั้งๆ ที่พวกนี้จะหัวเราะเยาะคนที่ใส่หน้ากาก บอกไม่จำเป็นต้องใส่หน้ากาก เหมือนประธานาธิบดีบราซิล ซึ่งเป็นลูกกะโล่ของทรัมป์ เป็นคู่แฝดกับทรัมป์ที่ไม่ยอมใส่หน้ากาก แล้วในที่สุดวันนี้ประธานาธิบดีบราซิลก็ติดเชื้อโควิด-19


จะเป็นจะตายหรือยังก็ไม่รู้ ผมเองยังนึกในใจว่า นายทรัมป์คงจะมีโอกาสติดโควิด-19 ไม่นานนี้แน่ๆ

เพราะฉะนั้นแล้ว นายทรัมป์ทำอะไรตรงกันข้ามกับข้อเท็จจริง ในขณะที่เขาไม่ยอมใส่หน้ากาก แต่ปรากฏว่าคนในทำเนียบขาวใส่หน้ากากกันทุกคน เพราะฉะนั้นมันก็เลยเป็นเรื่องของการเมืองไปแล้วตอนนี้


ทีนี้ที่ล่าสุด ในปัจจุบันนี้ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และ MIT กำลังยื่นฟ้องต่อศาลที่เมืองบอสตัน ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่า Restraining Order ให้หยุดชะงัก ระงับคำสั่งนี้ คำสั่งนี้มาจากนายทรัมป์ สั่งลไปที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือที่เขาเรียกว่า ICE : Immigration and Customs Enforcement ของอเมริกา เพื่อให้ปฏิบัติตามนโยบายนี้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าศาลจะว่าอย่างไร ถ้าศาลบอกว่าคำสั่งของนายทรัมป์ไม่มีเหตุผล และคำสั่งของนายทรัมป์นั้นค่อนข้างที่จะใช้ไม่ได้ เพราะคำที่เขาฟ้องต่อศาล เขาใช้คำพูดค่อนข้างจะรุนแรง คือพูดง่ายๆ วิเคราะห์ว่าสติปัญญาของนายทรัมป์สั้นและค่อนข้างจะโง่ นี่คือภาษาแถวบ้านผมเขาพูดกันนะ โง่บัดซบ เป็นคำสั่งที่ใช้ไม่ได้เลย ก็ต้องรอดูต่อไป



เอาล่ะ เรื่องนี้ก็ต่อเนื่องกันไป ท่านผู้ชมครับ เศรษฐกิจอเมริกาในขณะนี้มีปัญหามาก ในขณะนี้มีปัญหาอย่างมากๆ ประชาชนชาวอเมริกาตกงาน 38 ล้านคนตอนนี้ เขาว่ามีคนที่อยู่ในวัยทำงานที่อเมริกามีอยู่ประมาณ 160 ล้านคน หรือ 140 ผมจำไม่ได้ เขาบอกว่าแรงงานพวกนี้ในขณะนี้มีประมาณเกือบ 30 เปอร์เซ็นต์ ที่ตกงาน หรือ 25 เปอร์เซ็นต์ มี 160 ล้านคน 40 ล้านคนของ 160 ก็คือ 25 เปอร์เซ็นต์ 25 เปอร์เซ็นต์ของคนตกงาน บริษัทต่างๆ ล้มละลายกันเป็นแถว ท่านผู้ชมที่อยู่ในสหรัฐอเมริกาหรือเคยไปอเมริกาคงได้ยินชื่อบริษัทนี้ไหม HERTZ บริษัทเช่ารถยนต์ HERTZ ล้มละลายแล้ว บริษัทที่เป็นเจ้าของรถบรรทุกที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกา มีรถบรรทุกถึง 4,000 คัน ชื่อ Comcar ประกาศล้มละลาย ท่านผู้ชมจำห้างสรรพสินค้า JC PENNEY ได้ไหม JC PENNEY ก็ล้มละลาย แล้ว Warren Buffet คือนักลงทุนชาวอเมริกาที่มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกนี้ เขาบอกว่า 2 เดือนที่ผ่านมานี้เขาขาดทุนไป 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 1.5 ล้านล้านบาท แล้วก็มีบริษัทลงทุนที่ใหญ่ที่สุดในโลก ชื่อ BlackRock ซึ่ง BlackRock บอกว่าความพินาศฉิบหายกำลังมาเยือนในโลกนี้แล้ว BlackRock บริหารเงินในการลงทุนทั่วโลกอยู่ 7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ


มอลล์ใหญ่ๆ เจ๊ง เอมิเรตส์ลดพนักงาน 30 เปอร์เซ็นต์ ร้าน Retail Store ที่ค้าขาย ปิดไปแล้ว 15,000 ร้าน แล้วที่เตรียมตัวจะปิด ท่านผู้ชมจำได้ไหม J. Crew ร้าน GAP, Victoria' Secret, Bath & Body Works, FOREVER 21, ห้างสรรพสินค้าเซียร์ล้มละลายม Walgreens ล้มละลาย NORDSTROM ล้มละลาย Papyrus ล้มละลาย A.C. Moore ล้มละลาย ห้าง Macy's ล้มละลาย ร้านที่ขายลำโพง BOSE ล้มละลาย ร้านกีฬา OLYMPIA ล้มละลาย Kmart ก็ล้มละลาย เขาบอกว่าตอนนี้การผิดนัดการจ่ายหนี้ที่เช่าซื้อบ้านหรืออาคารตอนนี้พังทลายหมด ผิดนัดจ่ายหนี้บัตรเครดิต ผิดนัดจ่ายค่างวดของรถยนต์ เขาบอกว่าไตรมาสที่ 3 คือไตรมาสนี้ (กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน) นรกกำลังเยือนเข้ามาในอเมริกา เพราะฉะนั้นแล้ว นี่ไม่ใช่เฉพาะอเมริกา ถ้าที่อเมริกาเกิดขึ้นอย่างนี้ได้ มันก็เกิดขึ้นได้ทั่วโลก

ผมเคยเรียนท่านผู้ชมมาแล้ว และผมจะเรียนต่อไปอีกว่าในขณะนี้เราอย่าไปมองทุกอย่างในแง่ดี ทุกคนมองในแง่ดีว่าทุกอย่างจะดีขึ้นแล้วนะ ยอดคนตกงานน้อยลง การค้าขายดีขึ้น มีคนเดินห้างมากขึ้น ท่านผู้ชมครับ อุปสงค์ คือ demand อุปสงค์ ความต้องการในสินค้าและบริการพวกนี้มันไม่มี มันหายไปแล้ว มันหายไปจริงๆ ผมเคยพูดแล้วว่าเฉพาะการบินไทย ผมเคยเรียนให้ทราบแล้วว่า ถ้าฟื้นฟูกิจการการบินไทย ก็คือการยืดเวลาเจ๊ง เพราะอุปสงค์ในโลกนี้ การท่องเที่ยวมันไม่มี ทุกคนก็ยังหวังต่อจีนอยู่ ทุกคนก็ยังหวังที่จะโน่นที่จะนี่ พอยุโรปบอกว่าเปิดประเทศ ให้ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่สามารถจะบินเข้ายุโรปได้ ทุกคน หลายคน กระดี๊กระด๊ากันใหญ่ ท่านผู้ชมครับ ใครจะบินไปยุโรปครับ ณ วันนี้ ? ใครจะไป ? อาจจะมีคนไป แต่จาก 100 คนที่เคยไป อาจจะไปแค่ 10 คน คือ 10 เปอร์เซ็นต์ หรือสูงสุดก็ไม่เกิน 20 เปอร์เซ็นต์ แล้วถ้าทางยุโรปมาเมืองไทยล่ะ เรารู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่มีเชื้อโควิด ถึงแม้ว่าเขาจะมีการ Certified มาแล้ว 3-4 วัน ท่านผู้ชมอย่าลืมนะครับว่าโควิดที่เกิดขึ้นในประเทศไทย ที่มีเรื่องมีราวเกิดขึ้นนี้ มันเกิดขึ้นจากคนต่างประเทศทั้งสิ้น

ท่านผู้ชมจำ พล.ต.ราชิต ได้ไหม กรรมการสนามมวยลุมพินี เดี๋ยวผมจะพูดต่อไป บินไปอิตาลี แล้ว ทบ. กองทัพบกโกหกว่าไม่ได้ไปอิตาลี กลับมาสนามมวยลุมพินีติดไป 200-300 คน แล้วก็แพร่กระจายไปหมดทันทีเลย แล้วผมถามว่าคนต่างประเทศที่เข้ามา เราจะไว้ใจได้อย่างไร เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่าในขณะนี้อย่าเพิ่งหลงระเริงและดีใจ ผมเข้าใจว่าธุรกิจกำลังแย่ แต่ธุรกิจกำลังแย่ แล้วรักษากำลังแย่ให้ดีๆ ยังดีกว่าถ้ามีการระบาดเป็นรอบสอง ธุรกิจจะไม่ใช่กำลังแย่แล้วท่านผู้ชม ธุรกิจกำลังจะฉิบหาย พังทลายหมด เพราะฉะนั้น ท่านผู้ชม เราต้องเลือก เราต้องเสี่ยง เราจะเอาอะไรก่อน เราไม่สามารถจะเอาสุขภาพที่ดีแล้วเอาความมั่งคั่งเข้ามา มันต้องเลือกอันใดอันหนึ่งนะครับ เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องตลาด อุปสงค์ ก็คือว่า demand มันไม่มี


เอาล่ะ กลับมาที่นายทรัมป์อีกสักนิด นายทรัมป์มีหลานสาวคนหนึ่ง คือลูกของพี่ชายเขา ชื่อ แมรี แอล. ทรัมป์ เป็นด็อกเตอร์ พ่อของเขาเป็นพี่ชายนายทรัมป์ ชื่อ เฟรเดอริก ทรัมป์ เขาตัดสินใจเขียนหนังสือออกมาเล่มหนึ่ง ตัดสินใจเลย ชื่อ TOO MUCH-NEVER ENOUGH. How My Family Created the World's Most Dangerous Man. แปลเป็นไทยว่า หนังสือเล่มนี้ชื่อ "มากเกินไปและไม่เคยพอ ครอบครัวข้าพเจ้าได้สร้างบุคคลที่อันตรายที่สุดในโลกได้อย่างไร" นายทรัมป์ และครอบครัวนายทรัมป์ เดือดร้อนมากกับหนังสือเล่มนี้ ถึงกับยื่นเรื่องขอให้ศาลระงับการตีพิมพ์และการจัดจำหน่ายหนังสือเล่มนี้ แต่ว่าสำนักพิมพ์ที่พิมพ์หนังสือเล่มนี้ก็ยื่นคำร้องอุทธรณ์ต่อศาลสหพันธรัฐ Federal Court ซึ่ง Federal Court ก็บอกว่าคำร้องของทรัมป์ให้ยกเลิกไปก่อน คุณสามารถจะพิมพ์และวางจำหน่ายได้


ที่น่าสนใจอย่างหนึ่ง แมรี แอล. ทรัมป์ เขาพูดว่าอย่างไรรู้ไหม ? เขาบอกว่าอาของเขา คือนายทรัมป์ เป็นคนลวงโลก โกหกเป็นนิจ ขี้โกง โกงหมดทุกอย่าง โกหกหน้าตาเฉย ไม่ว่าเรื่องอะไรก็โกหก แม้กระทั่งตอนที่ตัวเองกำลังจะเข้ามหาวิทยาลัย ปริญญาตรี ที่อเมริกาเวลาจะเข้ามหาวิทยาลัยคุณต้องสอบ SAT นายทรัมป์จ้างนักศึกษาคนหนึ่ง ชื่อ ชาปิโร เป็นคนเข้าไปสอบแทน เพื่อให้คะแนน SAT สูง แล้วนายทรัมป์ก็เข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย แล้วก็จบ Walton School of Business ในขณะที่เรียนนั้น อาจารยก็พากันบอกว่านายทรัมป์เป็นเด็กที่อยู่ระดับท้ายๆ แถว ไม่ได้เก่งเหมือนอย่างตัวคุย นายทรัมป์ชอบคุยโม้ตลอดเวลา หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ทำร้ายทรัมป์ ที่ทำร้ายทรัมป์เพราะว่าเขียนโดยหลานสาวของตัวเอง จริงอยู่อาจจะมีข้อขัดแย้งกันภายในครอบครัว แต่ว่าหลานสาว คือ แมรี แอล. ทรัมป์ ได้เอาเรื่องนี้ เบื้องหลังของชีวิตนายทรัมป์ตั้งแต่สมัยเด็กขึ้นมาจนเป็นหนุ่ม ใช้ชีวิตแบบไหน แล้วก็บอกว่าเป็นคนที่หื่น มักมากในกาม ตั้งแต่เด็กจนกระทั่งแก่เฒ่าลงไป หลายอย่าง ขนาดหลานสาวตัวเองเคยเล่าให้ฟังในหนังสือ ว่าเขากำลังเดินอยู่ที่สระน้ำที่บ้าน แต่งตัวชุดว่ายน้ำ นายทรัมป์มองตาเป็นมันแล้วก็บอกว่ารูปร่างของหลานดูเซ็กซี่จัง คนที่เป็นอาพูดกับหลานสาวอย่างนี้ได้อย่างไร ฉะนั้นไม่น่าประหลาดใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นและสื่อมวลชนเอามาลง แท้ที่จริงแล้วเป็นความจริงหมด เพราะฉะนั้นแล้ว นี่คือหนังสือที่ชื่อเรื่องบอกว่า ไม่เคยพอ และที่สำคัญที่สุด เขาบอกว่าครอบครัวของฉัน ก็คือตระกูลทรัมป์ ได้สร้างมนุษย์ที่อันตรายที่สุดในโลกคนนี้ขึ้นมาได้อย่างไร

เอาล่ะ ผ่านจากทรัมป์ไป ต่อมาที่อเมริกา ในขณะนี้อเมริกา ในขณะที่โควิด-19 กำลังรุนแรงมาก รุนแรงมากจริงๆ ไม่ใช่รุนแรงมากน้อยๆ อเมริกาในขณะนี้ต้องการแสดงแสนยานุภาพเพื่อมาประจันกับจีนในขณะนี้


ท่านผู้ชมครับ ธรรมดาแล้วพื้นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก จากญี่ปุ่น โอกินาวา เกาะกวม ไล่ลงมาเรื่อยๆ ไล่ลงมาทางจีน ไล่ลงมาเรื่อยๆ ผ่านปักกิ่ง ผ่านเทียนจิน ผ่านกวางโจว ผ่านฮ่องกง ลงมาทางเอเชียแปซิฟิก จะมีกองเรืออยู่กองเรือเดียว ชื่อ กองเรือที่ 7 (7th FLEET) อเมริกาจะมีกองเรือหลายกองเรือ กองเรือที่ 7 อยู่ที่นี่ กองเรือที่ 5 อยู่ที่โน่น กองเรือที่ 5 รู้สึกจะอยู่ที่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน กองเรือที่ 6 จะอยู่ทางมหาสมุทรแอตแลนติกทางเหนือ กองเรือที่ 7 ปรากฏว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่อเมริกาส่งกองเรือมา 2 ลำ กองเรือแรก ชื่อ USS Nimitz กองเรือที่สอง ชื่อ USS Ronald Reagan ผู้เชี่ยวชาญทางด้านอาวุธและยุทโธปกรณ์ระบุว่า สองลำนี้ Nimitz กับ Ronald Reagan เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่ทันสมัยที่สุด หนึ่งเรือบรรทุกเครื่องบินจะมีกองเรือประกอบ จะมีเรือพิฆาต มีเรือดำน้ำ มีเรือประจัญบาน มาเป็นฝูงเลย เขาบอกว่าปริมาณเรือที่มาอยู่ในเอเชียแปซิฟิกวันนี้มีอยู่ประมาณ 60 เปอร์เซ็นต์ 60 เปอร์เซ็นต์ตรงนี้ สมมุติว่าเรืออเมริกามีทั้งหมด 100 ลำ ส่งมาแล้ว 60 ลำ มาประจำอยู่ทะเลจีนตอนใต้


ประเทศจีนเพิ่งซ้อมรบจบไปเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม ตอนนี้อเมริกามาแล้ว แล้วอเมริกาต้องการแสดงแสนยานุภาพ ก็เลยเกิดวิวาทะทางวาจาขึ้นมา อเมริกาถ่ายรูปกองเรือของตัวเองแล้วเผยแพร่ออกไปทั่วโลกเลย นี่นะเรือบรรทุกเครื่องบิน Nimitz นี่นะเรือบรรทุกเครื่องบิน Ronal Reagan นี่นะอยู่ในทะเลจีนตอนใต้เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าจีนไม่ได้มีแสนยานุภาพสามารถข่มขู่ใครได้ อเมริกามาแล้ว เหมือนกับคาวบอยขี่ม้าเข้ามาช่วยประชาชนที่ถูกกดขี่ข่มเหงตามหนังคาวบอยที่เราเคยดูอยู่

จีนเองก็ไม่ใช่ย่อย เพราะจีนวันนี้ไม่ใช่จีนแต่ก่อน จีนวันนี้เป็นจีนปากไว ปากกล้า กัดเจ็บ ไม่สงวนคำพูดเลยแม้แต่นิดเดียว โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนก็พูดออกมาว่า ไม่เป็นไร มาเถอะ จีนกำลังเลือกดูว่าจะใช้จรวดแบบไหนถล่มกองเรือของอเมริกา เพราะว่าจีนได้คิดค้นจรวดที่ถล่มกองเรือได้หลายประเภท ยังไม่รู้ว่าจะเลือกแบบไหน ท่านผู้ชมนึกออกไหม ยังไม่ทันไรเลย เมื่อวานนี้ปูติน กับสี จิ้นผิง ออกมาแล้ว ออกวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์เลย ออกไปทั่วโลกเลย ประกาศจับมือเป็นพันธมิตร เราจะไม่แยกจากกัน เราต้องจับมือร่วมกันต่อสู้กับศัตรูที่กำลังจะรุกรานอธิปไตย รุกรานสิทธิของเราที่อยู่ในที่ต่างๆ เราจะไม่ยอมถอย เอาล่ะสิท่านผู้ชม จำได้หรือเปล่าผมเคยพูด แล้วพี่คิม จอง-อึน ของผมอยู่ตรงไหนตอนนี้ พี่คิม จอง-อึน ของผมก็นั่งหัวเราะร่าตอนนี้ เพราะตัวเองก็มีอาวุธนิวเคลียร์แล้ว ตอนนี้พร้อมที่จะรบ ผมมองว่าในขณะนี้เกมนี้เป็นเกมที่บลัฟกันไปบลัฟกันมา แล้วอเมริกาก็กำลังสร้างเพื่อนเพิ่มอีกคนหนึ่ง คืออินเดีย


โมดี หลังจากที่มีการปะทะกันบนเทือกเขากัลวานที่ทำให้ทหารอินเดียไป 20 กว่าคน ทหารจีนก็คงมีตายหลายคนเหมือนกัน แต่ว่าไม่ได้ระบุชัดว่าเป็นใคร ก็ปรากฏว่ามุขมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน นายหวัง อี้ โทรศัพท์ไปหาที่ปรึกษาความมั่นคงของประธานาธิบดีโมดี แล้วก็ปรับความเข้าใจกันจนกระทั่งในที่สุดทั้งสองฝ่ายก็ถอยออกจากจุดพิพาทกันออกไประยะหนึ่ง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากันขึ้นมาอีก แต่ปรากฏว่าพรรคชนะตะของนายโมดี พรรคฮินดู ก็ระดมความเป็นชาตินิยมขึ้นมา ประกาศบอยคอต ไม่ยอมให้มีแอปฯ Tik Tok ไม่ยอมให้มีแอปฯ WeChat ไม่ยอมให้มีโน่นไม่ยอมให้มีนี่ สินค้าของจีนไม่ให้ขาย ทั้งๆ ที่โทรศัพท์มือถือ Vivo โทรศัพท์มือถือของจีน เข้าไปตีโทรศัพท์มือถืออินเดียจนกระทั่งเดี้ยง ไม่สามารถจะขายได้เลย เพราะราคาถูกกว่า คุณภาพก็ดีกว่า แต่อินเดียก็ใช้ความเป็นชาตินิยมบอยคอตสินค้าจีนหมดทุกอย่าง เพียงแต่ผมยังสงสัยว่าเสื้อที่ใส่ว่า Boycott China สั่งทำมาจากจีนหรือเปล่าผมก็ไม่รู้นะ แต่ผมจะไม่ประหลาดใจถ้ามีการสั่งทำมาจากจีน

เพราะฉะนั้นแล้ว อเมริกาเลยถือโอกาสสวมตัวเองเข้าไป สวมตัวเองอย่างไร อเมริกาบอกอินเดียว่า ถ้ามีเรื่องกับจีนไม่ต้องกังวล อเมริกาจะเข้ามาช่วย เห็นหรือยังท่านผู้ชม ตอนนี้เริ่มแล้วนะ เริ่มจะเปิดหน้าชกกันแล้วนะ ไม่เหมือนแต่ก่อน สมัยก่อน สมัยสงคราม หรือการยุทธศาสตร์ของการปะทะกันเขาเรียกว่า Escalation คือการเพิ่มดีกรีขึ้นไปเรื่อยๆ ทีละนิดๆ จากการเอาเรือไปแล่น จากการเอาเครื่องบินไปบิน เริ่มเพิ่มมาแล้ว เพิ่มเรือบรรทุกเครื่องบินเข้ามาอีกลำหนึ่ง เพิ่มกองเรือเข้ามา จีนก็ซ้อมรบอยู่ แล้วจีนก็เล่าให้ฟังว่าผมกำลังเลือกจรวดที่จะยิงเรือคุณ ไม่รู้จะใช้ยี่ห้อไหนดี เพราะมีอยู่หลายยี่ห้อที่คิด มันเริ่มแรงมาทีละนิดๆ แล้วจู่ๆ ปูติน กับสี จิ้นผิง ก็ประกาศให้โลกรู้เลย มึงไสม้าเข้ามา กูสองคนจับมือกัน เกาหลีใต้ทำอย่างไร เกาหลีใต้ก็แบ๊ะๆๆ เกาหลีใต้ไม่อยากเกิดสงคราม ญี่ปุ่นล่ะ ? ญี่ปุ่นก็แบ๊ะๆๆ เหมือนกัน ที่มันแบ๊ะๆ เพราะทุกคนมันเจ็บตัวเรื่องโควิด จีนไม่แคร์ เพราะจีนเขาถือว่าเขาปราบโควิดได้ระดับหนึ่งแล้ว และจริงๆ แล้วถ้าท่านผู้ชมฟังรายการผมมาตลอด ท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัด

ผมเคยพูดมาตลอดเวลาว่า สงครามระหว่างจีนกับอเมริกานั้นมีความเป็นไปได้สูง เพราะว่าอเมริกานั้นเขาพิจารณามาตลอดเวลาเลยว่า เขาวิเคราะห์มาตั้งแต่สมัยโน้น สมัยก่อนที่สี จิ้นผิง จะขึ้นมา ว่าในที่สุดแล้วศัตรูของอเมริกานั้นก็คือจีน แล้วปรากฏว่าล่าสุด ผู้อำนวยการเอฟบีไอ นาย Wray ก็ออกมาให้สัมภาษณ์ หรือกล่าวสุนทรพจน์ที่ค่อนข้างจะรุนแรงมาก กล่าวหาจีน ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับจีน ต้องปะทะกับจีน ตั้งหน่วยเฉพาะกิจพิเศษมาตรวจสอบการทำสปายของจีน


โดยเอฟบีไออ้างว่าจีนใช้นักวิทยาศาสตร์จีน ใช้นักศึกษาจีน ใช้การแลกเปลี่ยนนักวิทยาศาสตร์มา เป็นคนขโมยข้อมูลมา แล้วเขาบอกว่าตอนนี้มีกรณีแบบนี้อยู่ในมือเป็นพันๆ กรณี เขากำลังเร่งดำเนินการอยู่ ผิดปกติมาก จู่ๆ ผู้อำนวยการเอฟบีไอออกมาพูดแบบนี้ ก็แสดงว่าความขัดแย้งมันถึงขั้นเปิดหน้าชกกันแล้วนะท่านผู้ชม

ทีนี้ เรือบรรทุกเครื่องบิน 2 ลำ กับกองเรือที่ประกอบเรือบรรทุกเครื่องบินอีกเป็นหลายสิบเรือ หลายสิบลำเรือเลย เรือใหญ่ๆ ทั้งนั้น ไม่ใช่เรือเล็กๆ ไม่ใช่เรืออย่างที่เราเห็นที่เวียดนาม ที่ลาว หรือที่เขมร หรือที่ประเทศไทย เรือของเขาใหญ่ มีทั้งขีปนาวุธ มีทั้งจรวดโทมาฮอว์ก มีทั้งอาวุธที่ทันสมัย แล่นอยู่ในพื้นภูมิภาคเอเชียใต้


และจีนเองก็มีเครื่องบิน มีเรือ จีนก็อาจจะต้องอะไรกัน มึงเข้ามาย่านนี้ มาเจอกูแน่นอน ท่านผู้ชมครับ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้ไหม ? ผมถามอย่างนี้ เกิดขึ้นได้ครับ เราเดินเฉยๆ เรายังสะดุดหัวแม่เท้าเราหกล้มได้เลย นับประสาอะไรกับอาวุธยุทโธปกรณ์ เกิดมีเครื่องบินลำหนึ่งบินขึ้นมา โดยที่ไม่ได้ตั้งใจ แล้วเรดาร์จับไม่ได้ ปรากฏว่าเรดาร์จับได้มาใกล้กองเรือแล้ว กองเรือยิงจรวดขึ้นไปตัวหนึ่งไปทำลายเครื่องบินนั้น ประเดี๋ยวตรงชายฝั่งจีนทางภาคตะวันออกก็กดปุ่ม จรวดก็ยิงเข้ามาทำลาย ท่านผู้ชมครับ เรากำลังอยู่ในช่วงเวลาที่อันตรายที่สุด หนึ่ง เราอันตรายจากโควิด-19 ของเมืองไทยกำลังภาวนาเช้า ภาวนาเย็น ไม่รู้ว่าจะมีรอบสองอีกหรือไม่ ภาวนาขออย่าให้มี ในขณะเดียวกันก็มีความขัดแย้งทางทหารของช้างสารสองตัว ต้องบอกสามตัวแล้ว บวกรัสเซียเข้ามาอีกตัวหนึ่ง บวกลูกช้างอีกตัวหนึ่ง ก็คือเกาหลีเหนือ แล้วก็บวกช้างอีกตัวจากทางเปอร์เซีย ก็คืออิหร่าน เพราะฉะนั้นแล้วในขณะนี้อย่าไปคิดว่าทุกอย่างมันสงบเรียบร้อย โอกาสที่พลาดพลั้งมันสูงมาก และเมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ก็เลยจำเป็นต้องพูดถึงเรื่องการมาเยือนชาติอาเซียนของ พล.อ.เจมส์ ซี. แมคคอนวิลล์

สำหรับผมแล้ว การมาเยือนครั้งนี้มันพอเหมาะพอเจาะ พอดี๊ พอดีเลย พอดีจริงๆ กับที่กองเรือสหรัฐฯ เรือรบ Nimitz เรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz กับเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Ronald Reagan เข้ามา เหมือนกับว่า พล.อ.เจมส์ ซี. แมคคอนวิลล์ กำลังมาหาพวก แวะไปที่สิงคโปร์ สิงคโปร์ผมไม่มีอะไรประหลาดใจ เพราะสิงคโปร์เป็นลูกน้องของอเมริกามาตั้งนานแล้ว ประเทศที่มีขนาดและประชากรยังเล็กกว่าเขตพระนครของกรุงเทพฯ แต่ว่าเชียร์ให้อเมริกาเอาฐานทัพมาตั้งอยู่ที่สิงคโปร์ตลอดเวลา แต่อเมริกาก็ไม่ไปเสียที ปรากฏว่าหลังจากนั้นก็มาเยือนประเทศไทย และเป้าหมายต่อไปก็ไม่ได้เยือนเขมร เพราะรู้ว่าเขมรนั้นอยู่ในเครือข่ายประเทศราชของจีน ไม่ได้ไปเยือนเวียดนาม เพราะว่ามันชัดเจนจนเกินไป แล้วก็มาเยือนแค่สิงคโปร์ ไทย แล้วก็ประเทศญี่ปุ่น


แต่การมาเยือนครั้งนี้ ผมมีเรื่องราวที่จะพูดสักนิดหนึ่ง การมาเยือนของ ผบ.ทบ.สหรัฐฯ (Chief of Staff of the Army) มีข้อบกพร่องบางประการที่ผมคิดว่าท่านผู้ชมหลายท่านก็คงจะเห็นด้วยกับผม ก็คือว่า การมาแบบนี้โดยที่ไม่คำนึงถึงเงื่อนไข ข้อบังคับ ในเรื่องของการป้องกันโรคโควิด-19 จะเป็นผู้บัญชาการทหารบกของอเมริกา หรือจะเป็นรองประธานาธิบดี หรือจะเป็นรัฐมนตรีว่าการอะไรก็ตาม ของประเทศไหนก็ตาม ถ้ามาเมืองไทย มาแบบนี้ ข้อแรก ต้องยึดหลัก ศบค. ให้ชัดเจน ไม่ต้องกักตัวไม่เป็นไร แต่ต้องใส่หน้ากากอนามัยให้เห็น หรืออย่างน้อยที่สุดก็ควรจะกักตัวมาก่อน 14 วัน ก่อนที่จะเข้าประเทศไทย เพื่อให้พิสูจน์ตัวชัดเจน ซึ่งตรงนี้ต่างหากที่ผมกำลังติดใจในเรื่องนี้ เพราะลักษณะการต้อนรับที่เรามีต่อเขานั้น จริงๆ แล้วเรื่องนี้ แม้กระทั่งท่าน พล.อ.ประยุทธ์ ท่านยังพูดเลยว่าเลื่อนได้ไหม ท่านเองก็รู้ว่าอึดอัดใจ เพราะเขาเป็นถึง ผบ.ทบ.ของสหรัฐฯ ประเทศที่เป็นมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก ถ้ามาแล้วเราจะไปบังคับเขาไม่ให้เขาเข้าประเทศไทย ให้เขาไปกักตัวอยู่ที่สนามบินดอนเมือง 14 วัน และเขามาจากประเทศที่มีคนติดเชื้อมากที่สุดในโลก 3 ล้านกว่าคน และคนตายมากที่สุดในโลก เขามาจากตรงนั้น เขาจะเป็นใครก็ตาม


อย่าลืม ท่านผู้ชมครับ เรือบรรทุกเครื่องบินรูสเวลต์ จำได้ไหมที่มีทหารอเมริกันติดเชื้อโควิด แล้วก็ติดกันทั้งลำเลย ถามว่าทหารติดเชื้อโควิดได้ไหม ติดได้ คุณจะยศไหนก็ตาม ติดได้ทั้งนั้น พล.ต.ราชิต เจ้ากรมสวัสดิการทหารบก ก็ติดเชื้อเป็น ใช่/ไม่ใช่

ท่านผู้ชมครับ น่าสนใจอย่างหนึ่ง ผมจะเล่าอะไรให้ฟังนะครับ ทางเพจ ทบ. ทบ.เขามีเพจว่าเขาพิสูจน์ชัดแล้ว เขาบอกว่าท่านผู้บัญชาการทหารบกของอเมริกาคนนี้ได้กักตัวไว้เรียบร้อยแล้ว 14 วัน ก่อนที่จะมาเมืองไทย คนที่ทำข่าวชิ้นนี้ขึ้นเพจ ทบ. ก็คงเข้าใจไปว่าคนไทยยังโง่อยู่เหมือนเดิม บอกอะไรก็ต้องเชื่ออย่างนั้น ลงอะไรก็ต้องเชื่ออย่างนั้น Itinerary หรือรายงานการเดินทางมันมีอยู่ชัดเจน เพราะว่าท่านผู้บัญชาการทหารบกของอเมริกาคนนี้ได้แวะไปที่ฮาวาย จากฮาวายไปสิงคโปร์ จากสิงคโปร์มาเมืองไทย


ผมถามว่า แล้วที่คุณบอกว่าเขากักตัว 14 วัน เขากักที่ไหน ? เขากักที่ไหน คุณบอกผมหน่อยสิ เพราะว่าตามรายงานการเดินทาง เขาเดินทางมาตลอดเลย ถูกไหม เอาล่ะผมเข้าใจ ผมเข้าใจว่าเขาเป็นถึงผู้บัญชาการทหารบก ต้องให้เกียรติเขา แต่คุณหาวิธีชี้แจงข้อกังขาของประชาชนคนไทยให้มันดีกว่านี้ได้ไหม แทนที่จะมาโกหกเราว่าเขากักตัวแล้ว 14 วัน เพราะตามดูเส้นทางเดินของเขาแล้ว เขาจะกักตัวได้อย่างไร เพราะจากฮาวายแล้วก็บินมาที่สิงคโปร์ จากสิงคโปร์บินมาที่เมืองไทย จากเมืองไทยบินต่อไปญี่ปุ่น คุณกักตัวที่ไหน 14 วัน คุณบอกผมซิ


ที่สำคัญที่สุด จุดยืนของประเทศไทยน่าจะเป็นในจุดที่ต้องแจ้งให้เขาทราบ ถึงแม้ว่าจะมีการนัดหมายมาก่อน ว่าถ้าคุณมา ผมติดขัดปัญหาเรื่องนี้นะ ผมติดขัดจริงๆ เพราะว่าเงื่อนไข ประชาชนคนไทย และคนของผมเอง พล.ต.ราชิต ก็ทำงามหน้า ไปที่อิตาลีมาแล้วโกหก เพจ ทบ.ก็โกหก ไม่ยอมบอกว่าไปอิตาลีมา แต่นักเรียน วปอ.รุ่นเดียวกับ พล.ต.ราชิต ก็รู้ว่าไปอิตาลีมา ถึงกับบังคับให้ พล.ต.ราชิต สารภาพมาว่าไปอิตาลีมา ขอโทษประชาชน ก็ไม่ยอมพูด แล้วกองทัพบกก็ลงโทษแค่ปลดจากกรรมการสนามมวยลุมพินี แค่นั้นเอง นอกนั้นแล้วก็ Happy go lucky เหมือนเดิม


ท่านผู้ใหญ่ในกองทัพครับ ผมจะเรียนให้ทราบนิดหนึ่ง ท่านอย่าหลงระเริงตัว ทุกวันนี้คนชอบพวกท่านน้อยลงเยอะ เพราะท่านทำอะไรไม่ผิด ไม่ว่าเรื่องจ่าคลั่งยิงคนตาย หรือเรื่องต่อเรื่องหลายเรื่องมานี้ แม้กระทั่งเรื่องสนามมวยลุมพินี ท่านบอกว่าท่านจะเอาจริง ท่านเอาจริงก็แค่ปลดเขาออกจากกรรมการสนามมวยลุมพินีแค่นั้นเอง เพราะฉะนั้นแล้วในขณะนี้ความนิยมชมชอบของสีเขียวมันน้อยลงเยอะมาก มันน้อยลงจริงๆ นะ เพราะฉะนั้นแล้วผมจะเตือนสักนิด ด้วยความรักและด้วยความเป็นห่วง อะไรถ้าเป็นความจริง ยอมรับมันไปเถอะ คุณไม่ได้เสียศักดิ์ศรีอะไรบ้าบอ คุณโกหกแบบนี้ว่าเขากักตัวมาแล้ว 14 วัน แต่ข้อเท็จจริงเขาไม่ได้กักตัว อย่างนี้คุณเสียศักดิ์ศรีมากกว่าคุณพูดความจริง คุณพูดไปสิครับว่าเขามีความจำเป็นต้องมา แล้วเขาก็เป็นผู้ใหญ่ในระดับขนาดนี้ เราต้องระมัดระวังให้อย่างดี เขาอาจจะไม่ได้ทำตาม แต่เรามีความจำเป็น แต่เราจะป้องกันให้ดีที่สุด แต่คุณต้องการสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำของพวกคุณ คุณก็เลยโกหกพกลมว่าเขากักตัวมาแล้ว 14 วัน ทีหลังอย่าทำแบบนี้นะครับ

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมเคยคิดเหมือนผมไหมว่า ทำไมลิงเก็บมะพร้าวมันจึงเป็นเรื่องเป็นราวที่ใหญ่โตขึ้นมา อยากให้ท่านผู้ชมมองภาพกว้างมานิดหนึ่ง ลักษณะเรื่องราวแบบนี้มันจะมาจากประเทศทางตะวันตกทั้งสิ้น ผมไม่ได้ขัดข้องหรอกเรื่องมาตรฐาน เรื่องวิธีการ อะไรที่ทำให้มันถูกต้องตามหลักสากล แต่หลักสากลมันต้องคำนึงถึงวัฒนธรรมท้องถิ่น ขนบธรรมเนียมประเพณี ไม่ใช่ว่าคุณจะตั้งแมคโดนัลด์ขึ้นมาแล้วคุณจะบังคับให้คนทั่วโลกกินแมคโดนัลด์เป็นอาหาร ถ้าสมมุติคนไทยทานข้าว คนอินเดียทานโรตี คนไทยใช้ช้อน คนจีนใช้ตะเกียบ คนอินเดียใช้มือ ทำไมต่างชาติถึงไม่มายุ่งล่ะว่าทำไมคนอินเดียใช้มือ มือสกปรก หรือว่าคนจีนใช้ตะเกียบ ใช้ได้อย่างไร ฝรั่งก็เลยมองไปในเรื่องของสัตว์ อย่างเช่น ต่อต้านเวียดนามที่กินเนื้อหมา แต่จริงๆ แล้วการกินเนื้อสุนัขมันมีมานานในประเทศจีน เป็นพันๆ ปีแล้วท่านผู้ชม ไม่ได้เพิ่งมี


ทีนี้เผอิยกลุ่มองค์กรเอกชนที่ชื่อ PETA มันเกิดจากคนรักสัตว์ มันเกิดที่รัฐเวอร์จิเนียในอเมริกา แต่มันก็ถูกขยายความไปจนเลอะเทอะ ก็เป็นอีกตัวอย่างของการคิดมาตรฐานในการใช้ชีวิตของฝรั่งที่ยึดมาตรฐานตัวเองเป็นมาตรฐานโลก และพยายามให้คนทั้งโลกทำตาม

เรื่องลิงนี่เป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด PETA มันเป็นเจ้าแรกที่ทำเรื่องราวที่ผมเห็นด้วย ก็คือการเอาสัตว์ คือมิงก์ แล้วเราะขนออกมา ฆ่าตายแล้วเอาขนมิงก์มาเย็บขึ้นเป็นเสื้อกันหนาว เรียกเสื้อขนสัตว์ ขนมิงก์ ซึ่งแพงมาก แพงหูฉี่ เขาก็ต่อสู้และผมก็เห็นด้วย ถ้าจำเป็นต้องฆ่าสัตว์เพื่อเอาขนของสัตว์มา เอามาเพื่อประดับประดาร่างกาย แต่เรื่องลิงนี่มันคนละเรื่อง ข้อแรกที่องค์กร PETA มันผิดพลาดอย่างมากที่สุดก็คือ ลิงกัง มันมีทั้งลิงกังป่าและลิงกังบ้าน ลิงที่เก็บมะพร้าวเขาเรียกว่าลิงกัง ลิงที่ลพบุรีก็ต้องเป็นลิงบ้าน เพราะอยู่กันที่นั่นเยอะแยะไปหมดเลย ออกลูกออกหลาน ก็เป็นจุดท่องเที่ยว ทำไมคุณไม่โวยวายบ้างล่ะ คุณให้ประชาชนไปท่องเที่ยวดูลิง โยนกล้วยให้ลิงแล้วให้ลิงแสดงท่าแสดงทาง เป็นการทารุณสัตว์


ลิงกังที่ชาวบ้านเขาเลี้ยงกัน เขาเลี้ยงเหมือนลูกเหมือนหลาน ท่านผู้ชมที่รักหมารักแมว ท่านผู้ชมมองในมุมกลับ บางคนเขาเลี้ยงลิง เมื่อเขาเลี้ยงลิงแล้ว หลายๆ คนที่เลี้ยงลิงเขายอมรับเลยว่าบางทีเขาออกจากบ้านไปไกล ไปธุระปะปังหลายวัน เขาบอกเขาคิดถึงลิง กลับมาบ้านเพื่อลูบหัวลิง ลิงมันก็แสนรู้ แล้วระหว่างลิงกังป่าที่ทำมาหากิน หาอาหารกินยาก โดนเสือกินบ้าง โดนงูกัดบ้าง กับลิงกังบ้านที่ชาวบ้านเขาเลี้ยงเหมือนสัตว์เลี้ยงในครอบครัว แล้วไม่ใช่เพิ่งเลี้ยงนะท่านผู้ชม เขาใช้ลิงกังเพื่อเก็บมะพร้าว ก็ลิงมันเก่งในเรื่องการปีนต้น ลิงมันอยู่เฉยๆ เป็นที่ไหนล่ะ มันก็ปีนต้นไม้ไปปีนต้นไม้มา เขาก็เลยมีไอเดียขึ้นมา ถ้าอย่างนั้นเอาลิงช่วยเก็บมะพร้าวได้ไหม แล้วลิงมันก็ไม่ได้ขึ้นไปแล้วเอามือเด็ดมะพร้าว มันแค่ไปเหยียบเฉยๆ มะพร้าวก็ร่วงลงมาๆๆ เขาก็เลยได้ไอเดียว่า ถ้าอย่างนั้นฝึกดีๆ ได้ไหม เอามาช่วยทำงานบ้าน ก็เหมือนฝึกควายมาไถนา ฝึกวัวมาเทียมรถนั่งเกวียนไป ก็ฝึกลิงมาเก็บมะพร้าว มันผิดตรงไหน แล้วเขาไม่ได้ทารุณอะไรลิงนี่ เขาไม่ได้ว่ามื้อนี้มึงเก็บมะพร้าวได้น้อย มึงห้ามกินมื้อเช้า กินเฉพาะมื้อเที่ยง ไม่ หลายๆ คนที่เลี้ยงลิงกังเอานมเอาไข่ให้ลิงกิน เพื่อให้ลิงมันมีพละกำลัง แล้วลิงมันก็เหมือนมนุษย์ ตรงที่ว่าพอมันทำงานได้ดี ลงมาเจ้าของมันก็ลูบหัว ลิงก็ยิ้ม มีความสุข ก็เหมือนเราลูบหัวหมา หมามันก็ยิ้ม


แล้ว PETA มันก็มโนเหลือเกิน มันบอกว่าใช้ลิงเก็บมะพร้าววันละ 1,000 ลูก มึงจะบ้าหรือเปล่า ใครเก็บมะพร้าวได้วันละ 1,000 ลูก ผมว่าใช้เครื่องจักรวันละ 1,000 ลูก เครื่องจักรก็พังเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเรื่องนี้มันถูกมโนกันมากจนเกินไป แล้วปรากฏว่า ความจริงแล้วเรื่องนี้ความจริงแล้วมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นมาเขาทักท้วงมาทางประเทศไทยตั้ง 5 ปีแล้ว แต่ประเทศไทยเราก็ต้องให้เครดิตกระทรวงพาณิชย์สมัยนั้น เขาทำคลิปวิดีโอออกมา โดยใช้ Youtuber ที่เป็น Food blogger คือชำนาญในเรื่องของการอาหาร เขาเล่าให้ฟังเลยว่า น้ำกะทิ กว่าจะมาเป็นกะทิเป็นมาอย่างไร เขาทำให้ดูด้วยว่ามีคนไปเก็บ ทุกวันนี้ก็ใช้ไม้สอย เขาไม่ได้ใช้ลิงทุกๆ ไร่มะพร้าวหรอก คนที่เหนื่อยน่ะ ไม่ใช่ลิง ลิงมันปีนต้นไม้ไปแล้วมันก็ถีบมะพร้าวลงมา คนที่เหนื่อยก็คือมนุษย์นี่ล่ะที่ต้องไปเก็บลูกมะพร้าวแล้วก็ใส่ในรถเข็น แล้วก็เข็นออกไป ที่เหนื่อยที่สุดก็คือคน


ช้างก็เหมือนกัน ช้างลากซุงสมัยก่อน ช้างลากซุง แล้วถามว่าทรมานช้างตรงไหน ตระกูลของผม คุณพ่อของผม สมัยหนุ่มๆ เป็นพ่อเลี้ยงอยู่ทางเหนือ ได้สัมปทานป่าไม้ ตัดไม้ สมัยยุคจอมพลเผ่า ศรียานนท์ ก่อนปี 2500 ผมยังจำได้เลย เข้าป่าไป ป่านี่อย่าว่าแต่ทางเดินของรถเลย แม้กระทั่งคนเดินยังเดินลำบาก แล้วเมื่อได้สัมปทานป่าไม้ พอตัดไม้ ไม้สักต้นหนึ่งคนเดียวโอบไม่พอ สองคนโอบยังไม่พอเลย แล้วจะลากไม้ออกมาอย่างไร เขาก็ใช้ช้าง เอางวงค่อยๆ ดัน ดันไม้ๆๆ เขาฝึกจนกระทั่งช้างสามารถจะดันไม้ได้ และดันไปที่ถนน พอดันไปที่ถนนแล้วก็เอาไม้ขึ้นวางบนรถลากคันยาวๆ ซึ่งจอดอยู่ริมถนน ถามว่าทำอย่างนี้มานานหรือยัง ? ทำมานานแล้ว ทำมานานจนกระทั่งถนนหนทางตัดเข้ามาได้ เดี๋ยวนี้เข้าไปลึกเข้าไปจนกระทั่งเขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ช้าง

เมื่อไม่มีความจำเป็นต้องใช้ช้างแล้ว เขาก็เอาช้างมาฝึก ก็เหมือนเราฝึกหมา นั่ง พลิก มันต่างอะไรกันระหว่างฝึกช้างกับฝึกหมา มันก็ฝึกสัตว์ แล้วคุณถามว่ามันเป็นความสุขของมนุษย์ แล้วมันไม่ถูกต้องที่จะเอาคนมานั่งดูช้าง นั่งดูช้างเตะฟุตบอลโน่นนี่นั่น ผมก็ถามอย่างหนึ่ง ถ้าอย่างนั้นในประเทศตะวันตกคุณมีสวนสัตว์ไว้ทำไม มันมีความสุขเหรอที่คุณมีสัตว์ทิ้งไว้แล้วให้คนไปเดินดู เพราะฉะนั้นแล้ว พวกนี้มันมโน แล้วตัวการที่มันเกิดขึ้นก็คือแฟนของบอริส จอห์นสัน คู่หมั้น แฟนของนายบอริส จอห์นสัน


เผอิญเป็นคู่หมั้นของนายบอริส จอห์นสัน ก็เลยออกมามโน ออกมาพูด ห้างสรรพสินค้านั้นยังไม่ยอมเอาน้ำกะทิลง อันนี้เอาลงไปแล้ว ขอบคุณมากนะที่อุตส่าห์ทำให้ มันก็เลยเกิดอาการที่ทำให้ประชาชนซึ่งไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรพวกนี้ ที่มาที่ไป ก็เลยเกิดมโนว่าถ้าอย่างนั้นเอาออกมาจากชั้นวางของแล้วกัน ทำให้คนที่ผลิตกะทิเขาลำบาก

ท่านผู้ชมครับ ฝรั่งมันเป็นมนุษย์สองหน้าจริงๆ เดี๋ยวผมจะเอารูปให้ดู ราชนิกูลอังกฤษ ควีนเอลิซาเบธ เจ้าชายฟิลลิป ยิงเสือโคร่งตาย ล่าสัตว์ ถ่ายรูปกันหน้าเสือโคร่ง เจ้าชายแฮร์รียิงควายป่าตายแล้วก็ถ่ายรูป เท่เลย วินสตัน เชอร์ชิล ยิงสัตว์ป่าตาย เอารูปให้ดู เกิดจากอังกฤษทั้งนั้น พระเจ้าจอร์จล่าสัตว์อยู่ที่ประเทศเนปาล ยิงแรดตาย ยิงวัวป่าตาย แล้วรูปสุดท้ายน่าเกลียดที่สุดถ้าผมจะให้ท่านผู้ชมดู คือรูปของการสู้วัวกระทิงที่ประเทศสเปน รูปนี้ท่านผู้ชมเห็นไหมว่ามันเอาปฏักแทงหลังวัวจนเลือดอาบ แล้ววัวก็บ้าคลั่ง มันก็วิ่ง แล้วก็หลบไป แล้วก็แทงต่อๆ จนกระทั่งวัวตาย PETA ทำไมไม่ไปบอยคอตเรื่องการสู้กระทิงล่ะ หรือว่าตัวคู่หมั้นของบอริส จอห์นสัน ไม่บอกมาล่ะว่าทำไมสเปนไม่หยุดเรื่องนี้ เพราะฉะนั้นแล้วคู่หมั้นของนายบอริส จอห์นสัน ชื่อแคร์รี ซิมอนด์ ไม่กล้าพูด เพราะอะไรรู้ไหม เพราะราชสำนักในอังกฤษเป็นเจ้านายของว่าที่สามีเขา ผมไม่อยากเรียกยัยนี่ว่านังตอแหล ผมเห็นว่าเป็นถึงคู่หมั้นของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ไปว่าเขาเป็นคนตอแหลมันไม่เพราะ

เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่าเรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องมโน เรามีหน้าที่ที่จะต้องชี้แจงให้เขาฟัง จริงๆ แล้วพวกนี้ก่อนที่จะมาเที่ยวชี้หน้าคนโน้นชี้หน้าคนนี้ มันได้ศึกษาบ้างหรือยังว่าลิงที่เก็บมะพร้าวนั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร เขาทำกันมาร้อยกว่าปีแล้ว มีแม้กระทั่งโรงเรียนฝึกลิง แล้วรู้หรือเปล่าว่ารัชกาลที่ 9 เคยทอดพระเนตรละครลิงอย่างสนุกสนาน สนุกสนานมากพระองค์ท่าน มีภาพยนตร์ที่ทำเรื่องลิง ลิงเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตคนไทย เพราะฉะนั้นแล้วการที่ PETA ออกมาหาเรื่องการทรมานสัตว์ การทรมานสัตว์นั้นมีทุกยุค แต่จะเหมารวมไม่ได้ แล้วการที่ทางตะวันตกเอาสัตว์มาฆ่าเป็นเกมกีฬา อย่างที่ผมเรียนให้ทราบ สู้วัวกระทิงที่สเปน หรือล่าเสือโคร่ง หรือเจ้าชายแฮร์รียิงควายป่า พวกนี้ PETA หน้าไหว้หลังหลอก


ที่ผมเสียใจก็คือคนไทยด้วยกันเอง คือคนนิติพล ผิวเหมาะ ส.ส.พรรคก้าวไกล เขาอ้างว่าเขาต่อสู้เรื่องสัตว์มามาก ก็น่าชมเชย แต่คุณพลาดเรื่องลิงกัง ถ้าคุณเป็นคนไทย คุณต่อสู้เรื่องนี้มา คุณต้องรู้ว่าลิงกังมี 2 ประเภท ลิงกังในป่า กับลิงกังในบ้าน แล้วลิงกังในบ้านเขาเลี้ยงเหมือนลูก คุณน่าจะเข้าใจตรงนี้ คุณเฮ้าเลี่ยน คุณสนุกสนานเลย ถึงเวลาแล้วมาสั่งสอนคนไทยเสียทีเรื่องโน้นเรื่องนี้ เรื่องหลายเรื่องที่คุณสั่งสอนอาจจะสั่งสอนได้ แต่เรื่องนี้คุณผิด เพราะลิงกังที่ชาวบ้านใช้เก็บมะพร้าวมันไม่ใช่ลิงกังป่า และเขาไม่ได้เอามันมาทรมาน เขาให้อาหารการกินเป็นอย่างดี เขาเลี้ยงมันเหมือนลูก แล้วคุณก็โกรธที่มีคนเข้ามาถล่มคุณหนักหนาสาหัสสากรรจ์ แล้วคุณก็โยงไปเลยว่าถือโอกาสเป็นเรื่องการเมืองมาถล่ม ไม่ได้เกี่ยว เรื่องลิงกับเรื่องการเมืองไม่ได้เกี่ยวบ้าบอคอแตกอะไรกันเลย ก็คุณทะลึ่งของคุณเอง คุณเฮ้าเลี่ยนของคุณเอง โดยคุณไม่แยกแยะให้ถูกว่าเรื่องลิงกับมะพร้าว

ถ้าคุณบอกว่าโรฮีนจา เราใช้แรงานโรฮีนจาเยี่ยงสัตว์ ผมเห็นด้วย แต่ถ้ามาเรื่องลิงแล้ว ไม่ใช่ คุณแยกแยะเป็นบ้างไหม ถ้าคุณแยกแยะไม่เป็นแล้วคุณจะมาอ้างได้อย่างไรว่าคุณทำเรื่องนี้มานานแล้ว แสดงว่าคุณก็ไม่ได้ต่างกว่ายัยแคร์รี ซิมอนด์ ไม่ได้ต่างกว่าเขาเลยแม้แต่นิดเดียว เอาแค่ลิงพวกนี้แค่นี้ก่อนแล้วกัน ให้เห็นชัดเจนว่ามันไม่ใช่ มันไม่ใช่เลยแม้แต่นิดเดียว

พอหมดเรื่องลิงเราก็ต้องพูดเรื่องหอยแล้วคราวนี้ ท่านผู้ชมครับ วันนี้ผมจะพูดเรื่อง "ศึกชิงหอย" ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าในประเทศไทยมีหลายลุ่มแม่น้ำที่มีความเจริญ สมบูรณ์ สมบูรณ์ด้วยพรรณพืช สมบูรณ์ด้วยอาหารการกิน เหมาะมากสำหรับที่จะเลี้ยงพวกหอย ปู กุ้ง อะไรหลายๆ อย่าง ที่หนึ่งคือที่ๆ เรียกว่าลุ่มแม่น้ำปากพนัง อีกที่หนึ่งซึ่งสมบูรณ์ที่สุด ก็คืออ่าวบ้านดอน


ท่านผู้ชมครับ เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2563 เกือบๆ 1 เดือนที่ผ่านมา ประมาณ 20 วันที่แล้ว ที่บ้านบางสำโรง หมู่ 4 ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี มีชาวบ้าน 300 กว่าคนมาฮือล้อมรถยนต์โตโยต้า ฟอร์จูเนอร์ สีขาว ทะเบียน กจ 9792 สุราษฎร์ธานี ข้างในมีตำรวจ 3 คน จากกองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 8 แอบซุกตัวอยู่ กลัวมาก หลบหน้าผู้คน ทำไมล่ะ ? เพราะไปสร้างวีรกรรมไปจับกุมนายอนุชา บินมูซา อายุ 46 ปี พ่อค้ารับซื้อลูกหอยแครงจากชาวประมงพื้นบ้าน อ้างว่าเป็นการกระทำผิดกฎหมาย ซึ่งใช้อาวุธปืนจี้บังคับพร้อมกับยึดลูกหอยแครง 23 กระสอบ น้ำหนักรวมราว 700 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 500,000 บาท แล้วก็ไปตบทรัพย์เขาสูงถึง 5 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ดำเนินคดี


ท่านผู้ชมครับ มีว่าที่ร้อยโท สมชาย เรืองจันทร์ นายอำเภอกาญจนดิษฐ์ และ พ.ต.อ.ทักษิณ ศิริโภคพัฒน์ ผู้กำกับ สภ.กาญจนดิษฐ์ ลงพื้นที่ไปช่วยเจรจากับชาวบ้าน 2 ชั่วโมง 5 โมงเย็นถึงค่ำ ในที่สุดก็เลยนำตำรวจทั้ง 3 นาย ไปที่ สภ.กาญจนดิษฐ์ ท่านผู้ชม เหตุการณ์นั้นเป็นข่าวที่ครึกโครมทางสื่อมวลชน และสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งนำมากระแสวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วทั้งสังคม ที่สำคัญ เป็นการจุดระเบิดให้มีการขุดคุ้ยแตกประเด็นออกไปหลากหลายมากมาย มีการชักโยงสาวย่านตั้งแต่อดีตไปจนปัจจุบัน ท่านผู้ชมรู้ไหมว่าผลประโยชน์ของหอยแครงที่อ่าวบ้านดอนนั้นไม่ใช่หลักสิบหรือหลักร้อยล้านแล้วนะ แล้วก็ไม่ใช่หลักพันล้านด้วย เป็นหลักหมื่นล้านแล้ว ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากวงจรธุรกิจการเพาะเลี้ยงหอยแครงทั่วทั้งบริเวณอ่าวบ้านดอนที่ จ.สุราษฎร์ธานี

ท่านผู้ชมครับ ตลาดใหญ่ของหอยแครงคือภาคอีสาน ทุกวันเลย จะมีรถบรรทุกสิบล้อจากภาคอีสาน ทะเบียนขอนแก่น มาจอดรอรับหอยขับกันเป็นแถวเลย แต่ขบวนการวงจรธุรกิจนี้มันมีเรื่องราวที่พัวพันถึงขุมข่ายอิทธิพล โยงพัวพันอยู่หลายกลุ่ม มีทั้งนายทุน ผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ข้าราชการผู้ใหญ่ในพื้นที่ คนมีสี ทั้งตำรวจ ทั้งทหาร สีเขียว สีกากี มีนักการเมืองทั้งระดับท้องถิ่น ระดับชาติ มีทั้งวาระฮั้วกัน ขัดแย้งกัน แตกแยกขั้ว แบ่งข้างกัน

ท่านผู้ชมครับ คำขวัญของสุราษฎร์ธานี "เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ" มันสื่อให้เห็นชัดเจนว่าวงจรธุรกิจการเพาะเลี้ยงหอยแครงมูลค่าหมื่นล้านว่ามีความสำคัญขนาดไหน เพียงแต่เป็นการระบุภาพลักษณ์ที่ดีไว้เท่านั้นเอง ส่วนเบื้องหลังนั้น ค่อนข้างที่จะเป็นเรื่องของอิทธิพล อำนาจ และผลประโยชน์เข้ามา ท่านผู้ชม ผมกล้าพูดว่าเจ้าหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็นกำนัน ไม่ว่าจะเป็นปลัดอำเภอ ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภอบางคน ยาวไปจนถึงรองผู้ว่าฯ และผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีบางคน ทหาร ตำรวจ บางคน เกี่ยวข้องกับธุรกิจหอยแครงทั้งสิ้น และอยู่เบื้องหลัง คอยสนับสนุนกลุ่มนั้นคอยสนับสนุนกลุ่มนี้ เรียกค่าคุ้มครอง เรียกส่วนแบ่ง


ท่านผู้ชมครับ การเพาะหอยแครงนั้น เอาเป็นเรื่องบ้านดอนก่อน อ่าวบ้านดอนอยู่ฟากฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก กึ่งกลางของคาบสมุทรมลายู ฝั่งทะเลอ่าวไทยในภาคใต้ เวิ้งอ่าวโค้งเป็นรูปพระจันทร์หงาย หรือรูปตัว U ครอบคลุมพื้นที่ 6 อำเภอของ จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งแต่ชายฝั่งทะเลจากแหลมซุยใน อ.ไชยา ไล่ลงมายังเขต อ.ท่าฉาง อ.พุนพิน อ.เมือง อ.กาญจนดิษฐ์ ไปจนถึงแหลมกุลา ใน อ.ดอนสัก ความยาวตามแนวชายฝั่ง 120 กิโลเมตร ท่านผู้ชมดูแผนที่เอาเองก็แล้วกัน อ่าวบ้านดอนมีพื้นที่ประมาณ 430,000 ไร่ รองรับจากแม่น้ำสองสาย แม่น้ำตาปี และแม่น้ำพุมดวง ระดับน้ำไม่สูง 1-5 เมตร มีหาดโคลนเลนกว้างใหญ่ ยื่นออกจากปลายชายฝั่งประมาณ 1-2 กิโลเมตร บริเวณอ่าวด้านในมีสัณฐานแบบสันดอนจะงอย ชายฝั่งเป็นแนวหยัก ตรงขึ้นไปทางเหนือแล้วเปลี่ยนแนวไปทางตะวันออก จนเกิดดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำรูปตีนนก

ท่านผู้ชมครับ ในทางธรณีวิทยา ผืนแผ่นดินรอบๆ อ่าวบ้านดอนเป็นแผ่นดินที่เพิ่งงอกเงยออกมาเมื่อประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว ปัจจุบันแผ่นดินที่เป็นก้นอ่าว คือพื้นที่ที่ อ.ท่าฉาง อ.พุนพิน อ.เมือง อ.กาญจนดิษฐ์ และกำลังงอกออกไปในทะเลราวปีละ 10-20 เซนติเมตร อารยธรรม วัฒนธรรมต่างชาติที่เคยเข้ามามีอิทธิพลต่อชุมชนรอบอ่าวบ้านดอน ได้แก่ อินเดีย จัดว่ามีมากสุด นอกนั้นจะเป็นจีน อาหรับ เปอร์เซีย กรีก และฟินิเชีย ในอดีตชาวประมงรอบอ่าวบ้านดอนมีวิถีชีวิตเรียบง่าย ผูกพันอยู่กับทรัพยากรธรรมชาติ ผืนน้ำ ท้องฟ้า มีภูมิปัญญาในการทำประมง และที่สำคัญมากมาย มีน้ำใจพร้อมช่วยเหลือเกื้อกูลกัน คนที่ไม่มีเรือสามารถจะพ่วงเรือคนอื่นไปทำประมงได้แบบช่วยค่าน้ำมันหรือเอาแรงงานเข้าแลก เขาเรียกว่าการต่อหู


น่าสนใจมากครับท่านผู้ชม เรื่องอ่าวบ้านดอน ทีนี้เรื่องอ่าวบ้านดอน ความอุดมสมบูรณ์ของอ่าวบ้านดอน อ่าวบ้านดอนเป็นพื้นที่รองรับแม่น้ำสายน้อยใหญ่จำนวนมากมาย เลยมีฉายาว่า ดินแดนแห่งคลองร้อยสาย และ ครม.ได้เคยมีมติให้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำสำคัญของประเทศชาติไปแล้ว สายน้ำต่างๆ เหล่านั้นได้พัดพาเอาความอุดมสมบูรณ์จากบริเวณป่าต้นน้ำ มีทั้งใบไม้ ซากพืช จุลินทรีย์ แพลงตอน ผ่านแผ่นดินที่มากมายไปด้วยแร่ธาตุ อาทิเช่น ดีบุก พลวง วูลแฟรม ยิปซัม เซอร์คอน แบไรต์ ดินขาว ล่องไหลลงไปเรื่อยๆ เป็นระบบนิเวศที่เชื่อมโยงจากป่าต้นน้ำถึงปากแม่น้ำ เป็นจุดบรรจบระหว่างน้ำจืดกับน้ำเค็ม ส่งผลให้มีระบบนิเวศหลากหลาย ป่าชายเลนกระจายตลอดแนวชายฝั่ง กลายเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีพและวางไข่ของสัตว์น้ำนานาพันธุ์ ที่นี่อุดมสมบูรณ์อย่างสูง เกิดขึ้นที่อ่าวบ้านดอน


ความสมบูรณ์ของอ่าวบ้านดอน นอกจากจะได้อิทธิพลจากความเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำแล้ว ยังเกิดจากอิทธิพลของแม่น้ำลำคลอง หนองและบึงต่างๆ มากมายที่ไหลมารวมกัน โดยเฉพาะแม่น้ำ 2 สายใหญ่ คือ แม่น้ำตาปี และแม่น้ำพุมดวง ส่วนสายคลองก็มากมาย ประกอบด้วย คลองยัน คลองมะขามเตี้ย คลองท่าทอง คลองท่ากูบ บึงขุนทะเล คลองกระแดะ คลองลำพูน คลองมะรุ่ย คลองแสง คลองสก คลองพนม คลองท่าสะท้อน คลองเสียด คลองอิปัน คลองโตรม คลองน้ำเฒ่า คลองตาล คลองฉนวน คลองทุ่งหลวง คลองท่ากระจาย คลองท่าชนะ คลองคันธุลี คลองท่าฉาง และคลองดอนสัก เยอะแยะไปหมด อ่านไม่จบ โดยเฉพาะแม่น้ำตาปี หรือบางคนเรียกว่าแม่น้ำหลวง มีจุดกำเนิดจากเทือกเขาหลวง จ.นครศรีธรรมราช มีความยาว 232 กิโลเมตร ได้รับการยกย่องว่าเป็นแม่น้ำแห่งชีวิต

ท่านผู้ชมครับ ความสมบูรณ์ของอ่าวบ้านดอน นอกจากสื่อสะท้อนทรัพยากรธรรมชาติมีความหลากหลายแล้ว ในส่วนของสัตว์น้ำก็มีมากมาย จนถือว่าเป็นแหล่งผลิตอาหารที่สำคัญมากของประเทศ โดยการทำประมงของชาวบ้านรอบๆ อ่าวมาตั้งแต่อดีตกาล ทะเลอ่าวบ้านดอนจึงเชื่อมโยงคนกับทรัพยากรธรรมชาติ ถือเป็นฐานเศรษฐกิจชุมชน เป็นพื้นที่วัฒนธรรมมากมาย ภูมิปัญญาชุมชนที่รายล้อมรอบๆ จึงมักเรียกขานท้องทะเลอ่าวบ้านดอนแบบยกย่องว่า "ทะเลพ่อเฒ่า"

บริเวณอ่าวบ้านดอนมีความโดดเด่นในการเป็นแหล่งเกิดหอยแครงธรรมชาติ ซึ่งมีมูลค่าสูงทางเศรษฐกิจ ถึงขั้นมีการกล่าวขวัญว่าเป็นขุมทรัพย์หมื่นล้าน และการเกิดของลูกหอยแครงตามธรรมชาติในพื้นที่ชุ่มน้ำนานาชาติที่มีมากที่สุดในเขต อ.เมือง กับเขต อ.พุนพิน นี่เอง ที่นำไปสู่การแย่งยึดพื้นที่ทรัพยากรผู้มีอิทธิพลไปจากชาวประมงพื้นบ้านอันเป็นต้นตอของความขัดแย้ง และทวีความรุนแรงอย่างที่ประจักษ์มา ตั้งแต่ปี 2556 จนถึงปัจจุบัน


ท่านผู้ชมครับ ถ้าเราจะเอายุคของการค้าขายหรือการเพาะหอยแครงนั้น เราต้องให้เวลามัน 3 ยุค ยุคแรก คือเป็นยุคพึ่งพาตนเอง ก่อนปี 2504 ก็คือ 60 ปีที่แล้ว สมัยที่ไทยเรายังไม่ประกาศใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่เศรษฐกิจชุมชนพึ่งตัวเองในระบบยังชีพ ทำมาหากินโดยอาศัยธรรมชาติ ทำนา ทำสวน ทำประมง ผลผลิตเพื่อการบริโภค ใช้ระบบแลกเปลี่ยนกันระหว่างชุมชนชาวเลกับชาวเหนือ คนที่อยู่บนพื้นดินเขาเรียกชาวเหนือ

ยุคที่สอง คือ ยุคสะสมปัญหา เริ่มเมื่อไร ? 2504 จนถึง 2544 เริ่มตรงไหน ? เริ่มจากพอรัฐบาลเริ่้มให้สัมปทานป่าชายเลนและการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งเพียงไม่นาน สภาพป่าชายเลนก็เปลี่ยนไปสู่การทำกุ้งกุลาดำ ท่านผู้ชมครับ ก่อนที่จะเป็นหอยแครงนั้น อุตสาหกรรมกุ้ง ซึ่งมันอยู่ทางเหนือ ทางตะวันออกของประเทศไทย ค่อยๆ ลงมาทางใต้ พอลงมาช่วงทศวรรษที่ 2520 นายทุนจากสมุทรปราการ เพชรบุรี ได้แห่แหนกันเข้าร่วมวงที่ อ.ไชยา อ.ท่าฉาง ส่วน อ.กาญจนดิษฐ์ มีการเลี้ยงกุ้งรายใหญ่ของ 2 บริษัท 1. บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ 2. บริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม ของตระกูลเทือกสุบรรณ


ไม่เพียงเท่านี้ ตั้งแต่ปี 2522 เป็นต้นมา รัฐเริ่มให้สัมปทานเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่ง ปรากฏว่ายังถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้ามาของกลุ่มนายทุนข้ามชาติ ท่านผู้ชมครับ นายทุนข้ามชาติคนแรกคือพวกมาเลเซีย เข้ามาโดยนางสุมาลี เพชรมุณี เจ้าของสุริยาฟาร์ม ที่ได้รับสัมปทานเลี้ยงหอยแครงรายใหญ่ใน อ.ท่าฉาง ก็ไปเชื้อเชิญกลุ่มมาเลเซียเข้ามาร่วมด้วย เพราะมีประสบการณ์มาก่อน เป็นเรื่องที่กรมประมงรับรู้ ต้องถือว่าเป็นการเปิดให้กลุ่มต่างชาติเข้ามาเลี้ยงหอยแครงที่อ่าวบ้านดอน

พอผ่านมาอีก 7-8 ปี 2530 รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมเลี้ยงกุ้งเพื่อการส่งออก ก็เลยทำให้เกิดการแพร่ระบาดนากุ้งครอบคลุมไปทั้งอ่าวบ้านดอน ทำให้ป่าชายเลนเริ่มถูกบุกรุกเข้าไปจนถึง 70 เปอร์เซ็นต์ มีกลุ่มทุนกว้านซื้อเพื่อไปลงทุนฟาร์มใหญ่กว่า 10,000 ไร่ขึ้นไป ในช่วง 2540-2544 ปรากฏว่ากิจการนากุ้งขยายตัวสูงสุด และนับตั้งแต่ปี 2545 มา ราคากุ้งก็ตกต่ำลง กุ้งก็เลยเจ๊งไปเลย


นอกจากนั้น ช่วงปี 2529 แผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 4-5 กำหนดให้สุราษฎร์ธานีเป็นพื้นที่หนึ่งที่ต้องเน้นหนักในการพัฒนาเพื่อแก้ปัญหาความยากจนและความไม่มั่นคง ก็เลยเกิดนิคมสหกรณ์ขึ้นมา ส่งเสริมการเพาะเลี้ยงชายฝั่ง เลี้ยงหอยชายฝั่ง ก็เลยมีธุรกิจการเลี้ยงหอยขึ้นมา เผอิญมันมีพระราชบัญญัติประมง พ.ศ.2490 73 ปีที่แล้ว ปีผมเกิด มาตรา 7 นี่คือมาตราที่มีปัญหา บัญญัติว่า เกษตรกรสามารถใช้พื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเลเพื่อเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำได้ โดยยื่นคำร้องต่อนายอำเภอ หากไม่มีการอนุญาต นายอำเภอจะต้องทำหนังสือตอบ แต่นายอำเภอไม่เคยทำหนังสือตอบ ก็เลยทำให้คนไปจับจองสถานที่ริมอ่าวบ้านดอนกัน มันก็เลยเกิดการเกิดขึ้นของนายทุนเจ้าของคอกหอยแครง 2,000 กว่าราย รวมพื้นที่คอกหอยแครงกว่า 60,000 ไร่ ในบริเวณอ่าวบ้านดอน ซึ่งจำนวนนี้มีได้รับอนุญาตเพียง 40,000 กว่าไร่ เท่านั้นเอง แต่ปรากฏว่ายังไม่ได้นำไปสู่ความขัดแย้ง

มาถึงยุคที่ 3 คือยุควิกฤต นับตั้งแต่ปี 2545 หรือประมาณเกือบยี่สิบปีที่แล้ว จนถึงปัจจุบัน จากนโยบายของรัฐที่ทำมาในยุคที่ 2 ถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาบ่มเพาะให้เกิดความขัดแย้งขึ้นมา เพราะฉะนั้นแล้ว ช่วงคุณทักษิณ ชินวัตร มันมีนโยบายแปลงสินทรัพย์เป็นทุน จึงแจ้งเกิดโครงการ Seafood Bank เพื่อจัดที่ทำกินให้กับประชาชน และต้องการส่งเสริมการผลิตอาหารทะเลเพื่อการส่งออก ต่อด้วยปี 2548 มีการแจ้งเกิดโครงการครัวไทยสู่ครัวโลก ทั้งสองโครงการนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคืออะไร ? คือในท้องทะเลอ่าวบ้านดอนที่รัฐเคยให้สัมปทานเพาะเลี้ยงหอยไปแล้ว 40,000 ไร่ กลับปรากฏว่ารายเก่า รายใหม่ บุกจับจองพื้นที่ทะเลนอกเขตอนุญาตเพิ่มไปอีกกว่า 200,000 ไร่ เพื่ออะไรรู้ไหม เพื่อขอเข้าสู่กระบวนการแปลงสินทรัพย์เป็นทุน เพราะนโยบายที่รัฐบาลออกให้ แปลงสินทรัพย์เป็นทุน


เพราะฉะนั้นแล้วถ้าไปจับจองเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาถือว่าเป็นสินทรัพย์ของเขา เขาสามารถจะแปลงเป็นทุนเอาเงินได้ เขาก็เอาไม้ไผ่ปักเป็นคอกเลี้ยงหอยแครง บางแปลง ท่านผู้ชมเชื่อไหมมีเนื้อที่หลายหมื่นไร่ เป็นคอก กระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติหมดทุกอย่างเลย มันก็เลยเกิดการรุกที่

2557 คือปีที่ คสช.เข้ามา เป็นจุดระเบิดให้สังคมได้รับรู้ครั้งใหญ่ ชาวประมงทนไม่ไหว รวบรวมเรือ 200 ลำ ปิดอ่าวบ้านดอนเพื่อเรียกร้องสิทธิในการทำประมง เพราะว่าโดนพวกนายทุนเลี้ยงหอยแครงมันปักจนกระทั่งไม่มีที่ทำประมง ก็เลยมีการแก้ปัญหา ช่วงนั้นก็เลยเป็นช่วงของการยึดอำนาจ เมื่อมีการยึดอำนาจเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็เลยมีการเรียกตัวคนเข้าไปปรับทัศนคติในค่ายทหาร ท่านผู้ชมครับ ผมจะเรียนให้ทราบ อิทธิพลที่มีอยู่ในธุรกิจหอยแครงนั้น มีกำนัน มีปลัดอำเภอ มีนายอำเภอ มีนายกเทศมนตรี มีรองผู้ว่าราชการจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัด มีตำรวจ สีกากี เสร็จเรียบร้อยแล้วพอยุค คสช.มา เข้าไปปรับทัศนคติ ก็เลยเพิ่มอีกเจ้าหนึ่งที่เป็นผู้มีอิทธิพล ก็คือทหาร ตอนนี้ครบแล้ว ครบหมดแล้ว ท่านผู้ชมลองไปดู มีทั้งผู้นำท้องที่ เป็นผู้นำท้องถิ่น ผู้นำจากกรมการปกครอง ทั้งปลัดอำเภอ นายอำเภอ รองผู้ว่าฯ ผู้ว่าฯ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และในที่สุดเพื่อเติมเต็มบรรดากลุ่มผู้มีอิทธิพล ก็เลยมีทหารเข้ามา

ทีนี้ ทำไม 2557 และทำไมถึงมาระบุอีก 2563 เพราะว่าทุกๆ 6 ปี มันจะมีลูกหอยแครงเกิดขึ้นอย่างมหาศาลเลย มาจากไหนก็ไม่รู้ แล้วทำไมมันถึงสำคัญนัก มันสำคัญสิครับ เพราะว่าเมื่อลูกหอยแครงมันเกิดขึ้นมาแล้ว คนก็ซื้อลูกหอยแครงมา แล้วก็เอามาตั้งคอก เลี้ยงเอาไว้ในอ่าวบ้านดอน ยิ่งใครมีคอกมาก มี 3 คอกติดกัน เพราะการเลี้ยงหอยมันต้องเลี้ยงเป็น 3 ขั้นตอน ขั้นตอนแรก ให้หอยมันโตก่อน แล้วย้ายไปสู่ขั้นตอน 2 แล้วต่อไปขั้นที่ 3 ทำไมมันชอบเลี้ยงกันแบบนี้ ? ผลประโยชน์มันอยู่ที่ไหน ? ท่านผู้ชมตามผมมาแล้วจะรู้


ซื้อลูกหอยแครงมา 100 บาท สมมุติผมตั้งไว้ 100 บาท ลูกหอยแครงตายไปแล้ว 80 บาท เหลือ 20 บาท คือ 20 เปอร์เซ็นต์ ยังมีชีวิตอยู่ ปรากฏว่า 20 เปอร์เซ็นต์นี้ พอหอยโตขึ้นมาแล้ว เอาไปขาย จะได้ 8,000 บาท 8,000 บาทนี่กี่เปอร์เซ็นต์ ? 8,000 เปอร์เซ็นต์ นี่หมายความว่าลูกหอยแครงตายไปแล้ว 80 เปอร์เซ็นต์นะ ถ้าไม่ตาย 80 เปอร์เซ็นต์ จะกำไรมากขนาดไหน ธุรกิจอะไรบ้างที่ลง 100 บาท แล้วกำไร 8,000 บาท มีธุรกิจหอยแครง และทำไมมันถึงกำไรขนาดนี้ เพราะว่าเป็นที่นิยมของคนอีสาน ทำให้ราคาหอยแครงมันขึ้น หอยแครงขนาดตัวเล็กๆ ยังไม่ถึงตัวขนาดกลาง เขาขายกันกิโลกรัมละ 145 บาท ถ้าเป็นหอยจัมโบ้ กิโลกรัมละ 200 กว่าบาท เพราะฉะนั้นตอนนี้ราคาประมาณ 150 บาทต่อกิโลกรัม แล้วยิ่งมีความเชี่ยวชาญ ทักษะการเลี้ยงเพิ่มพูนมากขึ้น เวลานี้ก็สามารถผลิตหอยจัมโบ้ในราคากิโลกรัมละ 250 บาท

ในส่วนของลูกหอยที่เกิดใหม่ตามธรรมชาติที่มีการเก็บขายกัน ขนาดยิ่งเล็กเท่าไร ราคายิ่งมากเท่านั้น อย่างปี 2563 ปีนี้ มีการรับซื้อกันขนาด 40,000-50,000 ตัวต่อกิโลกรัม อยู่ที่ราคา 500-700 บาทต่อกิโลกรัม หอยเล็กๆ นะที่เอาไปเลี้ยง เมื่อเจ้าของคอกหอยซื้อไปเลี้ยงต่อประมาณ 8-12 เดือน เมื่อหอยแครงตัวโตขึ้นก็จะทำกำไรได้มหาศาลหลายเท่าตัว อย่างเช่น ผมเล่าให้ฟังแล้ว ซื้อตัวขนาด 40,000 ตัวต่อกิโลกรัม ไปเลี้ยง ราคาแค่ 500 บาท ก็เท่ากับตกตัวละเท่าไร ? ตกตัวละไม่ถึง 10 สตางค์ แค่สตางค์กว่าเองต่อ 1 ตัว เมื่อเลี้ยงหอยโตเต็มที่ ก็จะได้ขนาดตัว 90 ตัวต่อ 1 กิโลกรัม สมมุติว่าหอยไม่ตายเลยนะ ก็จะขายได้กิโลกรัมละ 150 บาท รวมหอยทั้ง 40,000 ตัว จะขายได้ถึง 66,000 บาท ท่านผู้ชมครับ 66,000 บาท ต่อการลงทุนไม่ถคึง 1,000 บาท ท่านผู้ชมจะเห็นได้ชัดแล้วว่าการลงทุนเลี้ยงหอยแครง ลงทุนปีละประมาณ 10 ล้านบาท สิ้นปีกำไร 100 ล้านบาท อย่างชั่วที่สุด นี่คือเลวที่สุดแล้ว เพราะฉะนั้นแล้วจะเห็นได้ชัดว่าผลประโยชน์มันไม่ใช่แค่ร้อยล้าน พันล้าน มันเป็นหมื่นล้าน เพราะอ่าวบ้านดอนเบ็ดเสร็จทั้งหมด ตอนนี้ที่มันบุกรุกพื้นที่แล้วเลี้ยงหอยกันมันมีทั้งหมด 200,000 กว่าไร่ เกือบเต็มพื้นที่ เพราะว่าพื้นที่ของอ่าวบ้านดอนมีประมาณ 400,000 ไร่ ตอนนี้ถึง 200,000-300,000 ไร่แล้ว


การเลี้ยงหอยแครงในอ่าวบ้านดอนจึงกระจุกตัวอยู่ใน 4 อำเภอเท่านั้น คือ อ.ไชยา ท่าฉาง กาญจนดิษฐ์ ดอนสัก พื้นที่อำเภอพุนพิน และอำเภอเมืองนั้น เขาไม่อนุญาต เดิมทีเขาไม่อนุญาตแม้แต่ตารางนิ้วเดียว เพราะสงวนไว้ให้เป็นแหล่งที่เกิดหอยตามธรรมชาติ แต่พอตอนหลังความโลภมันเข้าตา ข้าราชการระดับสูงกระทรวงมหาดไทยจังหวัด ก็เริ่มอนุญาตให้มีการเลี้ยงหอยได้ในพื้นที่ อ.เมือง และ อ.พุนพิน เพราะฉะนั้นแล้วสถานที่ที่จะเกิดหอยตามธรรมชาติก็จะไม่มี ทุกๆ 6 ปี จะมีปรากฏการณ์ของการเกิดหอยใหญ่ ทุก 6 ปี จะมีหอยใหญ่เกิดขึ้น ปีนั้นจะมีลูกหอยแครงเกิดขึ้นตามธรรมชาติอย่างมากมายมหาศาล ทุก 6 ปีนะ 2557+6 คือ 2563 คือปีนี้ ปีไหนที่เป็นปีที่เกิดลูกหอยแครง ปีนั้นจะมีข่าวปัญหาความขัดแย้งเกิดขึ้นกระจายให้รับรู้กันอย่างครึกโครม อย่างปี 2563 ที่มีข่าวใหญ่เวลานี้ หากย้อนหลังไปปี 2557 ก็จะพบว่ามีชาวประมงพื้นบ้านนำเรือกว่า 200 ลำ ไปชุมนุมปิดอ่าวบ้านดอน แล้วปัญหาลุกลามจนทหารต้องยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ไขด้วยการเรียกเข้าไปปรับทัศนคติ ไกล่เกลี่ยกัน และทหารบางคนก็เลยขอถือโอกาสมีส่วนร่วมด้วยกับขบวนการนี้ แบ่งด้วยน่ะ หิวน้ำเหลือเกิน ขอกินสักอึกได้ไหม ขอน้ำแกงสักช้อนได้ไหม มันก็เลยกลายเป็นสมบูรณ์แบบแล้ว ทั้งนายอำเภอ ทั้งผู้ว่าฯ ทั้งรองผู้ว่าฯ ทั้งกำนัน ทั้งนายกเทศมนตรี ทั้งตำรวจ แล้วก็ในที่สุดจบลงด้วยทั้งทหาร สมบูรณ์แบบ นี่คือประเทศไทย ท่านผู้ชมเข้าใจใช่ไหม

ทีนี้ ตัวละครที่สำคัญที่สุดในเรื่องของหอย ในขณะนี้ก็มีอยู่หลายๆ คน มีทั้งกำนัน มีผู้ใหญ่บ้าน คำว่าตัวละครผมไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนผิดนะ ผมเล่าให้ฟังว่าคนนี้เขามีบทบาทที่จะต้องมีการเกี่ยวข้องกับเรื่องขบวนการหอย แล้วถ้าเราดูให้ดีๆ แล้ว ตัวละครก็มี 2-3 กำนัน 1 นายกเล็ก คือนายกเทศมนตรี 2 นายอำเภอ 2 นายทหาร


กำนันนี่ มีกำนันศักดิ์ คือคุณพงศ์ศักดิ์ จ่าแก้ว อดีตกำนัน ต.ทุ่งคง อ.กาญจนดิษฐ์ ผมเรียนก่อนนะครับว่าทั้งหมดที่ผมพูด ผมไม่ได้กล่าวหาพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียวว่าเขาทำอะไรผิด ผมกำลังเล่าให้ฟังว่าคนพวกนี้คือตัวละครที่สำคัญ และมีส่วนที่จะรับทราบในเรื่องปัญหาต่างๆ เหล่านี้ บางคนอาจจะเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา บางคนอาจจะไม่ใช่ แต่ว่าในเรื่องขบวนการหอยทั้งหลายนี่จะขาดกลุ่มคนพวกนี้ไม่ได้


สอง กำนันเล็ก นายจรงค์ โอทอง กำนัน ต.บางชนะ อ.เมือง


สาม กำนันเสริฐ นายประเสริฐ ชัญจุกรณ์ กำนัน ต.ลีเล็ด อ.พุนพิน


สี่ นายชนินทร์ เพชรศรี นายกเทศมนตรีตำบลท่าขนอน อ.คีรีรัฐนิคม


ห้า นายบรรเจิด สาริพัฒน์ นายอำเภอเมือง


หก นายสิทธิชัย ไทยเจริญ นายอำเภอพุนพิน


เจ็ด ท่านรองเกรียง พล.ต.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งกำลังเป็นตัวเต็งขึ้นแม่ทัพภาค 4


แปด เสธ.เกียร์ พ.ท.ยงยุทธ วัฒนกุล อดีตนายทหารนอกราชการ กองบัญชาการมณฑลทหารบกที่ 45 ค่ายวิภาวดีรังสิต


นอกจากนั้น ยังมีตัวประกอบในอดีตที่เคยมีบทบาท แต่เวลานี้ไม่ได้เกี่ยวข้องโดยตรง แต่ยังมีบทบาทอยู่ ประกอบด้วย คุณดำริห์ บุญจริง อดีตผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี สมัยอนุญาตเพาะเลี้ยงหอยแครงช่วงแรกๆ


สิบ นายวงศ์ศิริ พรหมชนะ อดีตผู้ว่าฯ สุราษฎร์ธานี ท่านผู้ชมครับ ขนาดผู้ว่าราชการจังหวัดยังเป็นตัวละครที่สำคัญ ที่มันสนุกสนานมากขึ้นคืออะไรรู้ไหม ? คือเผอิญช่วงนี้มันจะมีการเลือกตั้งท้องถิ่น มันจะมีการแข่งขันกันที่จะชิงตำแหน่งนายก อบจ. ใครก็ตามเป็นนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี แค่ธุรกิจอ่าวบ้านดอน เรื่องหอยอย่างเดียว ก็ไม่รู้ว่าจะได้ประโยชน์ขนาดไหน แต่ว่ามากมายมหาศาล

ตอนนี้ก็เลยมี 3 พวกขัดแย้งกัน เป็นที่รับรู้กันในวงการธุรกิจหอยแครงของอ่าวบ้านดอน กำนันทั้ง 3 คนตั้งตัวเป็นหัวหน้าใหญ่ ที่ผ่านมาเคยร่วมมือกัน แบ่งผลประโยชน์กัน แต่ภายหลังมีการลุกฮือของชาวประมงพื้นบ้านขึ้นชนกับผู้ประกอบการเพาะเลี้ยง ก็เริ่มขัดแย้งและถอยห่างกันออกไป ส่วนคนทั้งข้าราชการ ทหาร การเมือง และกลุ่มผลประโยชน์ ล้วนยืนเป็นเงาทะมึน ท่านผู้ชมเข้าใจหรือเปล่า ยืนเป็นเงาทะมึนก็คือยืนอยู่ข้างหลัง หรือแท้ที่จริงแล้วเป็นเหมือนคนในหลังฉากที่พร้อมจะทำอะไรหรือหนุนใครก็ได้เพื่อให้ได้ประโยชน์

เริ่มด้วยกลุ่มของกำนันเสริฐก่อน กำนันประเสริฐเน้นเรื่องสายประชาสังคม เริ่มจากจับมือกับชาวประมงพื้นบ้าน ตั้งเครือข่ายประมงพื้นบ้านอ่าวบ้านดอน ปี 2537 จัดเวียนประชุมเดือนละครั้งไปถึงทุกพื้นที่รอบๆ อ่าว แต่มาภายหลังกำนันเสริฐก็ไปดึงเอานายชนินทร์ เพชรศรี เข้ามาร่วมหุ้นด้วย ก็เลยทำให้ต้องห่างกับชาวประมงมา ภายหลังเครือข่ายประมงพื้นบ้านอ่าวบ้านดอนก็แปรเปลี่ยนไปเป็นอาสาสมัครพิทักษ์ทะเล ทำให้ดูเหมือนต้องยืนคนละฝั่ง

สอง กลุ่มกำนันศักดิ์ กับกำนันเล็ก แรกๆ ไปด้วยกันได้ดี แต่ตอนหลังขัดแย้งกัน ประกาศเป็นฝ่ายตรงข้ามกันอย่างชัดเจน สาเหตุสำคัญมาจากกำนันศักดิ์ ต้องการจะลงชิงนายก อบจ.สุราษฎร์ธานี สมัยหน้า และต้องชนกับนางโสภา กาญจนะ หรืออดีต ส.ส.และภรรยาของนายชุมพล กาญจนะ อดีต ส.ส.เช่นกัน กำนันเล็กประกาศหนุนนางโสภา จึงเกิดสงครามแย่งชิงมวลชนกันขนานใหญ่ แล้วเป้าหมายหลักก็อยู่ที่มวลชนชาวประมงที่อยู่ที่บ้านดอน เพราะกลุ่มมวลชนชาวประมงที่อยู่บ้านดอนนั้นมีจำนวนมากพอที่จะทำให้ผลการเลือกตั้งออกมาเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

ทั้งหมดนี้ ทั้งกำนันเสริฐ กับกำนันศักดิ์ ฝ่ายแรกคือกำนันเสริฐ จะเดินหน้าสร้างภาพเกี่ยวกับการช่วยภาครัฐแก้ปัญหา ฝ่ายหลัง ก๊วนกำนันศักดิ์ก็จะพยายามทำด้วยกัน แต่ดูจะโดดเด่นและทำได้ดี คือการเปิดฉากโจมตีกำนันเล็กทั้งแบบบนดินและใต้ดิน

ที่เวลานี้กำลังมีเรื่องราวเกี่ยวกับคฤหาสน์หรู มูลค่านับร้อยล้าน ตามสื่อสังคมออนไลน์ที่เจ้าของ กำนันเล็ก ตอนนี้กบดานเงียบ

ท่านผู้ชมครับ ท่านผู้ชมต้องไม่ลืมว่าคะแนนเสียงของชาวประมงทั้งพื้นบ้านและผู้ประกอบการเพาะเลี้ยงหอยแครงรอบๆ อ่าวบ้านดอน มีความหมายอย่างมาก และเป็นแบบนี้มานานแล้ว ปรากการณ์ที่พิสูจน์เรื่องนี้ได้ดียิ่ง ครั้งหนึ่งเมื่อปี 2522 ชาวประมงที่ถูกผู้ว่าราชการจังหวัดห้ามไม่ให้ออกไปทำประมง ก็ปรากฏว่า ชาวประมงกำลังมาร้องเรียน คนที่ลงทุนเรื่องหอยแครงมาร้องเรียนว่าชาวประมงไปแย่งการทำหอย ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดก็เลยสั่งห้าม ก็ปรากฏว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อเก้าแซ่ แซ่ลิ้ม คนๆ นี้เรียนอยู่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ลงมาจากสถานีรถไฟ ชาวบ้านกำลังประท้วง ก็เลยนำชาวบ้านไปร้องเรียนกับผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัดก็เถียงสู้ชายหนุ่มคนนี้ไม่ได้ ว่าสิทธิในทะเลเป็นสิทธิที่ชาวประมงมีสิทธิที่จะอยู่ในนั้น ไม่มีสิทธิที่จะไปให้ใครคนใดคนหนึ่งผูกขาด ในที่สุดผู้ว่าราชการจังหวัดท่านก็เลยต้องถอย พอท่านถอยออกมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ชาวประมงก็ได้รับชัยชนะ ชายหนุ่มคนนี้ ชื่อเก้าแซ่ แซ่ลิ้ม พอเรียนจบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ก็เลยเปลี่ยนชื่อเป็น บัญญัติ บรรทัดฐาน นั่นคือจุดเริ่มต้นของเขาในการที่เขาเป็น ส.ส.ขึ้นมา


การเป็น ส.ส.ของคุณบัญญัติ บรรทัดฐาน ได้มาจากพื้นฐานของชาวประมงพื้นบ้านทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นแล้วท่านผู้ชมจะเห็นได้ว่า การเลี้ยงหอยแครงนั้น พื้นที่เป็นพื้นที่ของรัฐ คืออ่าวบ้านดอน การให้สัมปทานกับนายทุนต่างๆ ผมไม่ทราบว่าใช้มาตรฐานอันใดมาเลือกให้ แล้วทุกๆ สัมปทาน ทุกๆ คอกเลี้ยงหอย ล้วนแล้วแต่มีผู้มีอิทธิพลอยู่ข้างหลังทั้งสิ้น มิหนำซ้ำนายอำเภอบางคน ท่านผู้ชมเชื่อไหม นายอำเภอบางคน นายอำเภอนะ นายอำเภอก็คือคนของกระทรวงมหาดไทย คนของกรมการปกครอง มีอยู่ครั้งหนึ่งนายอำเภอคนนี้นั่งเรือพาผู้สื่อข่าว และเอาชาวบ้านไปชี้ ชาวบ้านก็บอกว่าคอกนี้ของคนนี้ คอกนี้ของคนนี้ คอกคนนั้น ตอนที่มีความขัดแย้งสูง ชาวบ้านด้วยความใสซื่อ ชาวบ้านก็บอกว่าพอพ้นจากคอกนี้ไปแล้ว โน่น ยาวไปเหยียดเลย ของนายอำเภอคนนี้ที่นั่งอยู่บนเรือน่ะ เล่นเอานายอำเภอคนนี้แทบตกทะเลตาย ตอนนี้ก็เลยเก็บเนื้อเก็บตัว นี่ก็เป็นข้อพิสูจน์อย่างหนึ่งว่าข้าราชการกรมการปกครองระดับนายอำเภอบางคน ระดับรองผู้ว่าฯ บางคน ระดับผู้ว่าฯ บางคน มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของสัมปทานหอยแครงทั้งสิ้น

หลายคนมีนอมินี คือตัวเองลงทุน แล้วก็จ้างคนมาออกหน้าแทน แล้วก็สร้างสิ่งที่เรียกว่า ขนำ ก็คือที่พักเพื่อมานั่งเฝ้าดูหอย


พอมานั่งเฝ้าดูหอยแล้ว ก็ปรากฏว่าขนำบางแห่งมูลค่าเป็นร้อยล้านบาท เหมือนบ้าน แล้วก็มีการสร้างหออยู่ในทะเล จนกระทั่งมีความวุ่นวายมากนัก


จนในที่สุดแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้ผู้บัญชาการทหารเรือภาค 2 พล.ร.ท.สำเริง จันทร์โส ท่านใช้อำนาจในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เอากองทัพเรือภาค 2 มารื้อพวกคอกต่างๆ ที่อยู่ในอ่าวบ้านดอนออกหมดเลย โดยไม่หวั่นเกรงอิทธิพลใดทั้งสิ้น ก็ปรากฏว่าในการประชุมกัน มีท่านรองผู้ว่าราชการสุราษฎร์ธานี ก็ออกมาปกป้องนายทุนที่ทำหอย บอกว่าต้องขยายเวลาให้เขานะ จะมารื้อของเขาทันทีไม่ได้ เพราะเขามีสิทธิในสัมปทาน เขายื่นเรื่อง ทำเรื่องขออนุญาตนายอำเภอตามพระราชบัญญัติฯ ปี 2490 มาตรา 7 ที่ผมเล่าให้ฟังไงว่า ใครจะทำก็ไปทำได้ ตราบใดที่อำเภอไม่ตอบมาว่าไม่อนุญาต ก็ถือว่าทำได้ ท่าน พล.ร.ท.สำเริง จันทร์โส ท่านก็เด็ดขาด บอกว่าว่าไปตามกฎหมาย แต่กฎหมายผมใหญ่กว่า เพราะฉะนั้นผมก็จะจัดการรื้อ ท่านก็เข้าไปรื้อหมดเลย ตอนนี้ท่านกำลังจัดระเบียบอยู่


ท่านผู้ชมครับ นี่เป็นเพียงแค่จุดเริ่มต้น ท่านผู้ชมครับ ผลประโยชน์เป็นพันๆ ล้าน เป็นหมื่นล้าน ไม่มีใครทิ้งกันหรอกครับ หลายคนร่ำรวยจากธุรกิจตรงนี้แล้วกลายเป็นนักการเมืองระดับชาติไป อย่าให้ผมต้องเอ่ยชื่อว่าเป็นใคร ทรัพยากรทั้งหมดในอ่าวบ้านดอน ถามว่าเป็นของใคร ? แน่นอนที่สุด เป็นของประเทศไทย แต่ถามว่าใครบ้างมีสิทธิที่จะได้รับส่วนแบ่งตรงนี้ ? ผมว่าคนที่มีสิทธิที่จะได้รับส่วนแบ่งตรงนี้ คือคนสุราษฎร์ธานี เพราะว่ามันอยู่ที่ จ.สุราษฎร์ธานี บ้านดอน แต่ผมถามว่า แล้วเราจะจัดระบบอย่างไรที่จะให้คนสุราษฎร์ฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่อยู่ตามอำเภอต่างๆ ที่มีส่วนได้ส่วนเสีย ประมงพื้นบ้านเขาก็มีสิทธิมีส่วนที่จะได้ เพราะเขาเคยใช้อ่าวบ้านดอนเป็นที่ทำมาหากินของเขามาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย แล้วจู่ๆ ก็มีนายทุน เพราะความที่เป็นพันล้าน หมื่นล้าน เพราะราคาหอยแครงมันขึ้นเหลือเกิน ที่อีสาน คนอีสานชอบกินหอยแครงมาก ยอดขายผลิตมาเท่าไรก็ไม่พอขาย มันเงินทั้งนั้นนะ เห็นเป็นหอยอย่างนี้ แบะออกมา ทานเข้าไป จิ้มน้ำจิ้มอร่อย แต่ผมไม่ชอบ ผมทานทีไรท้องเสียทุกที แต่ว่าหอยสีแดงๆ พวกนี้นี่ ท่านผู้ชมครับ หอยมันแพงมาตลอดนะ ไม่เคยถูกนะในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นกรณีใดทั้งสิ้น ไม่มีหอยที่ไหนถูก เพราะฉะนั้นแล้วมันก็จะแพงขึ้นไปเรื่อยๆ จากความนิยมของคนกิน

ทีนี้ ผลประโยชน์ตรงนี้จะให้ใครล่ะ ? ผมประหลาดใจอยู่อย่างหนึ่ง กระทรวงมหาดไทย ปัญหาเรื่องที่ทำกิน ปัญหาเรื่องการทะเลาะเบาะแว้งกัน ปัญหาเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นที่อ่าวบ้านดอน สุราษฎร์ธานี ไม่ใช่ปัญหาใหม่ ปัญหามีมานานแล้ว กรมการปกครอง ท่านปลัดกระทรวงมหาดไทย ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่านสามารถที่จะพินิจพิเคราะห์ ท่านทำอย่างนี้ได้ไหม ท่านย้ายให้หมดเลยได้ไหม นายอำเภอทุกอำเภอเลย รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี รองผู้ว่าฯ เอาไปเลย แล้วท่านสรรหาคนที่ซื่อสัตย์ ที่พร้อมจะทำให้ส่วนรวม เข้ามานั่งตำแหน่งพวกนี้ได้ไหม แล้วจัดสรรปันส่วนแบ่งให้ผลประโยชน์มันลงตัว ที่สำคัญที่สุด ชาวบ้านต้องได้ ไม่ใช่นายทุนได้ ไม่ใช่นายทุนที่เอาเงินจ่ายตำรวจ เอาเงินจ่ายทหาร ผมคิดว่าทหารเรือมาตอนนี้ ทหารเรือไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับใคร ยังพอพึ่งพาได้ แต่ผมไม่รู้ว่าจะพึ่งพาได้นานแค่ไหน ถ้าไม่จัดระเบียบตรงนี้ จะมีปัญหาแน่นอน นี่ผมเป็นเพียงแต่เล่าเรื่องให้ฟัง เพราะว่าหอยเป็นเรื่องที่ใหญ่ แต่ว่าไม่เคยมีใครพูด วันนี้ผมอุตส่าห์เอาเรื่องนี้มาพูดให้ฟัง


ท่านผู้ชมครับ อ่าวบ้านดอนมีความอุดมสมบูรณ์ในเรื่องหอยมาก สมัยรัชกาลที่ 4 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระองค์ท่านทรงมีรับสั่งให้พระราชสมบัติ ซึ่งเป็นคนสนิทของพระองค์ท่าน เดินทางไปเมืองกัลกัตตา (Kolkata) ที่อินเดีย เพื่อไปซื้อเพชรเม็ดใหญ่เอามาที่เมืองไทย พระราชสมบัติท่านก็เดินทางไป นั่งเรือสำเภามาลงที่เกาะหมาก แล้วจากเกาะหมากก็ไปต่อที่ไทรบุรี จากไทรบุรีก็นั่งเรือกลไฟไป แล้วเมื่อได้เพชรแล้วก็กลับมา จากไทรบุรีท่านก็เดินทางกลับมาที่นครศรีธรรมราช แล้วท่านก็ผ่านอ่าวบ้านดอน ที่เขาเรียกว่าเกาะปราบ


ท่านพระราชสมบัติท่านก็เลยเขียนนิราศ นิราศหอยแครง ขึ้นมา ผมพอจะจำได้ก็เลยเอามาเล่าให้ฟัง เพื่อให้เห็นว่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 แล้ว หอยแครงที่อ่าวบ้านดอนมันเยอะเหลือเกิน ท่านเขียนว่า

ถึงเกาะปราบ ราบเตียน ตลอดเกาะ
เกิดละเมาะ หาดตื้น ฟื้นไสล
ให้หยุดจอด ทอดสมอ ลงรอไว้
ช้างขึ้นไป เดินเล่น เย็นสบาย

บ้างลงน้ำ ดำคว้า งมหาหอย
ตัวใหญ่น้อย เก็บใส่เรือ เห็นเหลือหลาย
ทั้งหอยแครง หอยแมงภู่ และหอยคาย
ทั้งหอยทราย หอยกาบ หอยนางรม

บ้างได้หอย กระจิระ กระจิริด
ตัวนิดๆ ลายดีๆ ก็มีถม
บ้างร้องบอก หลอกเพื่อน ให้หลงงม
ว่าชายตม ที่ตรงนี้ หอยมีชุม

บ้างเก็บได้ ใส่กอง อัคคีเผา
บ้างก็เอา ใส่หม้อ เอาไฟสุม
ดูกินเล่น เป็นอร่อย เพราะหอยชุม
พวกหนุ่มๆ ร้องขอหน่อย หอยใครมี

สวัสดีครับท่านผู้ชมครับ


Let's block ads! (Why?)



"เอาล่ะ" - Google News
July 11, 2020 at 05:34PM
https://ift.tt/2CoPP5a

[คำต่อคำ] SONDHI TALK : ศึกชิงหอย “สนธิ” เผยสาเหตุการแย่งชิง มีมูลค่ามหาศาล - ผู้จัดการออนไลน์
"เอาล่ะ" - Google News
https://ift.tt/36Ul8Qj
Home To Blog

No comments:

Post a Comment